ปชป.ติวเข้มว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.พร้อมรับมือ ศึกเลือกตั้งท้องถิ่น กทม. เต็มที่
วันนี้ (16 ต.ค. 64) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้ง ส.ก. และผู้ว่าฯ กทม.ว่า วันนี้ตนได้มาเป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการรวมพลังขับเคลื่อนกรุงเทพ เตรียมการเลือกตั้ง ส.ก.และผู้ว่าฯ กทม. โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. และคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ กทม. ของพรรคเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ เพราะการเลือกตั้ง ส.ก. และผู้ว่าฯ กทม. น่าจะเกิดขึ้นประมาณไตรมาสแรกของปีหน้า ทางพรรคจึงได้จัดประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อให้ผู้สมัคร ส.ก.มีความพร้อมในการเข้าสู่สนามเลือกตั้ง
ที่ผ่านมาพรรคได้มีการทำงานในพื้นที่ทุกเขตใน กทม. เพื่อบริการประชาชนในรูปแบบต่างๆ รวมถึงในช่วงสถานการณ์โควิดระบาดอย่างรุนแรงในกทม. ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. ของพรรคก็ได้ช่วยเหลือผู้ติดเชื้อโควิดทั้งการหาเตียง การจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม การจัดตั้งศูนย์พักคอย การจัดหาหน้ากากอนามัยมอบให้ทุกเขต การจัดข้าวสาร อาหารแห้ง และข้าวกล่องปรุงสุกให้ผู้กักตัวอยู่ที่บ้าน และผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโควิด รวมถึงการจัดตรวจ ATK เชิงรุกที่กำลังทำอยู่ในปัจจุบันตามเขตต่างๆ
นอกจากนี้ยังมีการเร่งรัดการทำงานช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านในทุกพื้นที่โดยทีมงาน BKK Power ซึ่งได้รับการชื่นชมจากประชาชนเป็นอย่างมากที่เราสามารถแก้ไขปัญหาหลายๆ เรื่องได้อย่างรวดเร็วตามสโลแกน “ทำได้ไว ทำได้จริง” รวมถึงการสัมมนาเรื่องการใช้โซเชียลมีเดียให้เกิดประโยชน์ในการทำงานเพื่อประชาชนทุกรูปแบบ
ส่วนเรื่องการส่งผู้สมัคร ผู้ว่าฯ กทม. นั้น นายองอาจ กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นรองหัวหน้าพรรครับผิดชอบในพื้นที่ กทม. ขอยืนยันว่าพรรคส่งผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. แน่นอน ขณะนี้ได้เตรียมบุคคลที่มีความเหมาะสมไว้แล้ว และจะได้เปิดตัวในเวลาที่สมควร เชื่อว่าจะเป็นผู้สมัครที่สามารถทำงานเป็นผู้ว่าฯ กทม. ได้อย่างมีคุณภาพแน่นอน
“ความพร้อมในเรื่องผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เราไม่ได้มาเตรียมแค่วัน สองวัน เดือน สองเดือน หรือปี สองปีเราเตรียมมาประมาณ 4-5 ปี ถ้าสถานการณ์ปกติเราจะเลือกตั้งกันประมาณ 4-5 ปีก่อน เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปเราก็ยังมีการเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้อยู่ คาดว่าจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. อาจจะมีปลาย กพ. หรือต้น มี.ค. ขึ้นอยู่กับว่า ครม. จะมีมติให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ต้องเริ่มต้นจาก ครม. ต้องมีมติให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ส.ก. และเมืองพัทยา เราประเมินกันว่าต้นเดือน ม.ค. ครม. ก็มีมติเรื่องนี้ก็จะเข้าสู่กระบวนการของการกำหนดกระบวนการการเลือกตั้ง”
ผู้สื่อข่าวถามถึงการเลือกตั้งใหญ่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้มีการกำหนดจำนวนที่นั่งไว้อย่างไรบ้างนั้น นายองอาจ กล่าวว่า พรรคยังไม่ได้มีการคาดหมายเรื่องจำนวนที่นั่ง เพราะการเลือกตั้งขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณอะไรที่จะไปสู่การเลือกตั้งทั่วไประดับชาติ ฉะนั้นก็ยังไม่สามารถไปคาดหวังอะไรไปล่วงหน้า แต่พรรคการเมืองโดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์เราก็เตรียมความพร้อมตลอดเวลา ซึ่งการเตรียมความพร้อมที่สำคัญก็คือการทำงานหนักของคนที่เป็น ส.ส. ในการลงพื้นที่
รวมทั้งอดีต ส.ส. ที่ตั้งใจจะลงสมัครรับเลือกตั้งต่อไป ก็ต้องทำงานต่อเนื่อง ส่วนคนที่พรรคมอบหมายให้ไปเป็นรัฐบาล เป็นรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษา เป็นเลขานุการ ก็กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อนำนโยบายของพรรคไปแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชน ขณะเดียวกันก็เตรียมความพร้อมในการหาผู้สมัครมาลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยจะเห็นได้ว่าพรรคประชาธิปัตย์มีการเปิดตัวทั้งผู้สมัคร ส.ส. ผู้สมัคร ส.ก. อยู่เป็นระยะอย่างต่อเนื่อง และยังเตรียมความพร้อมในเรื่องนโยบายสาธารณะที่จะต้องนำเสนอต่อประชาชนในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
“เท่าที่ฟังดูจากแต่ละพรรคบอกจำนวน ผมคิดว่าเราคงต้องสร้างสภาใหม่ เพราะที่นั่งในสภาคงไม่พอ ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์คิดว่ายังเร็วเกินไปที่จะไปพูดถึงจำนวน ส.ส. ที่จะได้รับหลังการเลือกตั้ง ผมคิดว่ายังมีปัจจัยอีกหลายปัจจัยที่จะเข้ามาเกี่ยวข้อง สถานการณ์การเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลาพรรคประชาธิปัตย์คงยังไม่ไปคาดหมายจำนวนที่นั่ง แต่เราเดินหน้าทำงานหนักเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากกว่า ผมคิดว่าการทำงานหนักให้พี่น้องประชาชนสัมผัสได้โดยเฉพาะเรื่อง ทำได้ไว ทำได้จริง ทำตามนโยบายที่ประกาศไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการประกันรายได้เกษตรกร การดูแลปัญหาการเกษตรการส่งออกที่เป็นหัวใจสำคัญเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญในภาวะที่เรามีปัญหาการระบาดโควิดทั้งโลก แต่การส่งออกของประเทศไทยโดยการขับเคลื่อนของกระทรวงพาณิชย์ ที่มีหัวหน้าพรรค ท่านจุรินทร์ลักษณวิศิษฏ์ เป็นรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี สามารถขับเคลื่อนทำให้ตัวเลขการส่งออกเดินหน้าไปได้ด้วยดี ขณะที่เรามีสภาวะที่ยากลำบากทางเศรษฐกิจทั่วโลก เพราะฉะนั้นการทำงานของเราในทุกภาคส่วนสามารถเดินหน้าไปด้วยดี” รองหัวหน้าพรรคกล่าว
พร้อมกับเพิ่มเติมว่า คนรุ่นใหม่ถือว่าเป็นความหวังของสังคมที่จะมาแบกรับภารกิจของประเทศชาติบ้านเมืองต่อไป การมีคนรุ่นใหม่เข้ามาทางการเมืองก็จะมีส่วนช่วยให้การทำงานสามารถเดินหน้าไปได้
“ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์มีความหลากหลาย มีคนหลายรุ่น คนบางรุ่นก็มีประสบการณ์ คนบางรุ่นอาจจะมีความรู้ มีเทคโนโลยีใหม่ๆ มีความเชี่ยวชาญ คนเกือบทุกรุ่นของพรรคเราก็มีความรู้ความสามารถที่หลากหลาย และสามารถนำสิ่งเหล่านี้มารวมกันเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศชาติบ้านเมืองให้เดินหน้าได้” นายองอาจกล่าวในที่สุด