‘ประยุทธ์’ โว 8 ปีรัฐมนตรีไม่ติดคุกสักคน ไม่เหมือนสมัยก่อน ย้ำเคารพกฎหมาย
‘ประยุทธ์’ โว 8 ปีรัฐมนตรีไม่ติดคุกสักคน ไม่เหมือนสมัยก่อน ย้ำเคารพกฎหมาย-ไม่ก้าวก่ายเด็ดขาด ชูกฎหมายคือความเท่าเทียม แต่มีคนบิดเบือนเด็ก โยนวันหน้ารับผิดชอบด้วย ยันตั้ง กอ.รมน.ต่อต้านภัยคุกคามไม่ใช่รักษาอำนาจ ย้ำ นายกฯ ทุกยุคคือ ผอ.รมน. ทำไมรัฐบาลก่อนหน้าไม่มีปัญหา
วันนี้ (16 ก.พ. 66) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงครั้งแรกในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 28 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 เป็นวันสุดท้าย ถึงกรณีคดีตู้ห่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พฤติกรรมเหล่านี้เกิดขึ้นมานานพอสมควรตั้งแต่ก่อนปี 2557 ซึ่งตู้ห่าวเข้ามาตั้งแต่ปี 2554 รวมถึงการอนุมัติสัญชาติ ซึ่งไม่เข้าใจว่าที่ผ่านมาไม่มีใครทราบเลยหรือ แต่วันนี้เท่าที่ทราบก็ให้ได้ดำเนินการสืบสวน พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลนี้ไม่มีแน่นอนกรณีซื้อหมู่บ้านแล้วแถมสัญชาติ และที่ผ่านมาก็ได้เจอ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ซึ่งก็ส่งข้อมูลให้ตำรวจต่อไปโดยบางอย่างก็เปิดเผยได้และบางอย่างเปิดเผยไม่ได้
ส่วนกรณีตำรวจออกหมายเรียก นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) นั้น พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงว่า ตำรวจได้มีการสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องและขยายผลดำเนินคดีได้หลายราย โดยบางรายก็หลบหนีไป ส่วนที่ ส.ส. อภิปรายว่ามี ส.ว. เข้าไปเกี่ยวข้องนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ดำเนินการอยู่ พร้อมย้ำว่าส่วนตัวสั่งไม่ได้อยู่แล้ว ซึ่งการสอบสวนหากพบว่ามีใครเกี่ยวข้องก็จะออกหมายเรียก และหากไม่พบภายใน 15 วันก็ออกหมายจับ
“เรื่องนี้ผมไม่ขอไปก้าวก่าย ไม่ได้ช่วยเหลือใคร นี่คือกระบวนการทางกฎหมายกระบวนการยุติธรรมก็เป็นแบบนี้ ที่ผมพูดแบบนี้ไม่ใช่กระบวนการฝ่ายบริหาร แต่เป็นกระบวนการยุติธรรม”
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการจับกุมผับทุนจีน “ผับจินหลิง” ว่า ขณะนี้ตำรวจกำลังดำเนินการสืบสวนและจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนที่บอกว่ามีตำรวจไปเกี่ยวข้องนั้น ทางผู้บังคับบัญชาก็ดำเนินการสืบสวนสอบสวนและมีคำสั่งให้ออกราชการไว้ก่อนไปแล้ว หากรายใดเข้าข่ายความผิดทางอาญา ก็ดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนที่บอกย้ายคนขยันนั้นเป็นเรื่องของการแต่งตั้งโดย ผบ.ตร. ที่พิจารณาตามหลักเกณฑ์
ส่วนกรณีที่อ้างเรื่องการตั้งสมาคมปลอม เพื่อทำเอกสารวีซ่าให้ธุรกิจสีเทาเข้าประเทศ ช่วงปี 2563-2564 กว่า 7 พันคนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า สตช. ได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนและชี้แจงข้อมูลให้สื่อมวลชนทราบเป็นระยะแล้ว ซึ่งตำรวจก็ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่มีข้อยกเว้น ยืนยันเสมอว่า จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวข้องในเรื่องนี้เด็ดขาดเพราะทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน
พล.อ.ประยุทธ์ ยังชี้แจงถึงกรณีที่ถูกอภิปรายเรื่องคอรัปชั่น ว่า ไม่อยากย้อนกลับไป หลายคนก็กล้าพูดออกมา เพราะอดีตรัฐมนตรีหลายคนก็มีปัญหาเรื่องคอรัปชั่นจนต้องติดคุก หลายคนต้องไปต่างประเทศ ซึ่งรัฐมนตรีในรัฐบาลตั้งแต่ปี 57 ยังไม่มีใครติดคุกสักราย ซึ่งเป็นข้อเท็จจริง
ส่วนที่ถูกอภิปรายเรื่อง กอ.รมน. นั้น พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า กอ.รมน. เป็นหน่วยงานที่ถูกตั้งขึ้นมาภายใต้กฎหมายโดยมีนายกฯ เป็น ผอ. ซึ่งก่อนหน้านั้นนายกรัฐมนตรีทุกคนเป็น ผอ. แล้วก่อนหน้านั้นนายกฯ ของท่านก็เป็น ผอ. ซึ่งผมก็ทำงานกับท่าน ฉะนั้นหลายประเทศก็มีหน่วยงานลักษณะเช่นนี้เหมือนกัน และร่วมมือกับเราในทุกมิติ พร้อมย้ำว่าไม่ใช่เพื่อรักษาอำนาจให้ตนเอง
ส่วนเรื่องยาเสพติดที่กล่าวหาว่านายกฯ ไม่รับผิดชอบนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าอ้างว่ามีคนได้ประโยชน์ก็แจ้งมา หากพูดไปปาว ๆ ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก เราก็จะช่วยกันแก้ไขต่อไป เพราะปัญหายาเสพติดเป็นเรื่องที่รัฐบาลเตรียมแก้ไข ฉะนั้นเราต้องรักษากฎหมายและประพฤติตนตามกฎหมายที่ดีที่สุดของเรา คนเลวก็ต้องถูกกำจัดไป ส่วนการปราบปรามและสกัดกั้นเราก็มีการตรวจสอบตามแนวชายแดน โดยมีการปะทะสัปดาห์อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง ซึ่งวันนี้เราก็ลงไปแก้ในเรื่องนี้ด้วย โดยที่ผ่านมาก็มีการปราบปรามยาเสพติดเชิงรุก ปี 2565-2566 จับกุมมากกว่า 1.5 พันคดี ผู้ต้องหามากกว่า 2.5 พันคน ซึ่งก็ยังต้องจับกุมอยู่เรื่อยๆ
“ไม่ใช่ปราบยาเสพติดคือการฆ่าคนทิ้งไป 2,000-3,000 คน เฉยๆ ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่ซับซ้อน ส่งผลต่อความมั่นคง ท่านรังเกียจไม่ชอบ ผมก็ไม่ชอบยาเสพติด ท่านต้องมาช่วยผม ทำความเข้าใจสังคม ไปบอกเด็กอย่าไปลองอย่าไปเสพ ท่านเคยช่วยผมทำอย่างนี้หรือไม่ มีแต่ตำหนิข้าราชการเจ้าหน้าที่ ต้องใช้กฎหมายและเคารพกระบวนการยุติธรรม”
พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำว่า สิ่งเหล่านี้ทุกรัฐบาลต้องรับผิดชอบ และนายกฯ ทุกคนต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว เพื่อไม่ให้ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นโดยใช้กระบวนการยุติธรรมและเคารพอำนาจของกระบวนการยุติธรรมต่างๆ เพราะประเทศใดไร้คือกฎหมายมันก็ไม่ใช่ประเทศ วันหน้ามันก็แตกไปหมด พร้อมขอบคุณที่ทุกคนช่วยทำให้บ้านเมืองไม่แตกแยก เพราะถ้าบ้านเมืองแตกแยกเราก็จะไปไหนไม่ได้ ซึ่งสิ่งที่เราทำวันนี้ก็พยายามทำให้บ้านเมืองก้าวไปสู่อนาคตให้ดีที่สุด และจากที่ได้เดินทางไปต่างประเทศ ผู้นำหลายประเทศก็ไม่รังเกียจสักคนเลย พร้อมย้ำว่าทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายที่เท่าเทียมกัน
“กฎหมายคือความเท่าเทียม ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน อยากทราบว่าหากท่านมีอำนาจขึ้มาจะไม่มีกฎหมายเลยหรือเปล่า แยกคนทุกกลุ่มทุกฝ่ายไปหมด มันไม่ใช่ประชาธิปไตยที่ถูกต้อง เพราะประชาธิปไตยที่ถูกต้องคือต้องมีสิทธิเสรีภาพและหน้าที่ โดยไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น ท่านต้องสอนคนเหล่านี้ เด็กของเราหลายคนถูกบิดเบือนไป ท่านก็รับผิดชอบด้วยแล้วกันในวันหน้า … ขอบคุณครับ”