‘รองโจ๊ก’ เตรียมบินสางคดี ‘นางบัวผัน’ จ่อฟันหากพบตำรวจชี้นำ ‘ลุงเปี๊ยก’ ให้รับสารภาพ
‘รองโจ๊ก‘ เตรียมบินสางคดี ‘นางบัวผัน’ ยันคดีจบวันนี้ จ่อฟันหากพบตำรวจชี้นำ ’ลุงเปี๊ยก’ ให้รับสารภาพ ยัน เห็นด้วยกับ ผบ.ตร. ลดอายุอาชญากรรมของเด็ก เหลือ 12 ปี แต่มองเป็นมาตรการระยะยาว
วันนี้ (16 ม.ค. 67) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงคดีกลุ่มวัยรุ่นรุมทำร้าย นางบัวผัน ตันสุ หรือป้ากบ หญิงไร้บ้านที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จนเสียชีวิต หลังได้รับการร้องเรียนจากญาติผู้เสียหาย และนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง โดยระบุว่า ตนเองเตรียมลงพื้นที่ไปสะสางคดี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว และปราบปรามการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะคดีดังกล่าว ผู้ก่อเหตุเป็นเด็ก และเยาวชน จึงเข้าหน้างานของตนเอง
อีกทั้ง ญาติมาร้องเรียน ประกอบกับประชาชนในพื้นที่ไม่ไว้วางใจการทำงานของตำรวจโดยเฉพาะ ผกก.สภ.อรัญประเทศ วันนี้จึงเตรียมลงพื้นที่พร้อมสั่งการให้ชุดสืบสวตตำรวจภูธรภาค และชุดสืบสวนจากส่วนกลางลงไปคลี่คลายคดี พร้อมกับนำตัวปัญญา คงแสนคำ หรือลุงเปี๊ยก สามีของผู้เสียชีวิต ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในตอนแรกมาสอบปากคำ โดยยอมรับว่าคดีนี้เป็นคดีอุกอาจ ซึ่งในรูปคดี ขณะนี้ตำรวจได้จับกุมผู้ก่อเหตุแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ที่มีความเคลือบแคลงสงสัยโดยมีการนำตัวลุงเปี๊ยกมาดำเนินคดี ถึงขั้นมีการแจ้งข้อกล่าวหา และทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ก่อนปล่อยตัว
ขณะนี้ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างการสอบสวน เชื่อว่าความจริงจะปรากฏอย่างชัดเจนภายในวันนี้ โดยเฉพาะประเด็นที่ลุงเปี๊ยกไปรับสารภาพ และเล่าเหตุการณ์ได้เป็นฉากทั้งที่ไม่ได้ก่อเหตุ จะมีบุคคลใดให้คำแนะนำหรือไม่ โดยเฉพาสังคมตั้งข้อสงสัยการทำงานของตำรวจวันนี้จะต้องจบ
ส่วนหลังจากลุงเปี๊ยกได้รับอิสระภาพจะต้องอยู่ในการดูแลของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พ.ม.) เพราะต้องได้รับการคุ้มครองสิทธิ์ ตำรวจไม่มีสิทธิ์ไปควบคุมตัวไว้ และยืนยันว่า ตนเองได้ตำหนิผู้กำกับการ สภ.อรัญประเทศ ในการปฏิบัติหน้าที่ไปแล้ว ที่ปล่อยให้กลุ่มผู้ต้องหาก่อเหตุทั้งที่มีชาวบ้านร้องเรียนหลายครั้ง ซึ่งยืนยันว่าจะไม่ปกป้องหรือช่วยเหลือลูกน้องเด็ดขาด
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวถึงแนวคิดการลดอายุอาชญากรรมเยาวชนจาก 15 ปี เป็น 12 ปี ของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ว่า ตนเองเห็นด้วยแต่มาตรการดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายเป็นมาตรการระยะยาวต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหา แต่เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นคดีอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในท้องถิ่น ตำรวจต้องหามาตรการป้องกันภายในชุมชน เพื่อให้คนในพื้นที่อยู่อย่างสงบ
ส่วนประเด็นหลักฐานคลิปวิดิโอกล้องวงจรปิดได้รับรายงานว่าตำรวจได้ก่อนสื่อมวลชนจริง แต่เกิดคำถามว่าหากตำรวจได้ก่อนทำไมถึงต้องมีการนำตัวลุงเปี๊ยกไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพนั้น ย้ำว่าความจริงจะปรากฏในวันนี้ และยืนยันว่าขณะนี้ลุงเปี๊ยกปลอดภัยดี แต่หากมีการสอบสวนพบว่าลุงเปี๊ยกให้การเท็จก็จะต้องถูกดำเนินคดีฐานแจ้งความเท็จ แต่หากมีหลักฐานว่าตำรวจแนะนำให้รับสารภาพหรือข่มขู่บังคับ เพื่อช่วยคนผิดก็จะต้องถูกดำเนินการทั้งทางวินัย และอาญาเด็ดขาด เพราะถือเป็นการบิดเบือน และทำลายกระบวนการยุติธรรม