‘สถาบันดังสิงคโปร์’ เผยแพร่บทความ ‘อนุทิน’ ผู้ท้าชิงตำแหน่งนายกฯ ไทย ที่เข้มแข็งที่สุด
‘สถาบันดังสิงคโปร์’ เผยแพร่บทความ ‘อนุทิน’ ชิงตำแหน่งนายกฯไทย ชี้ จุดแข็งที่ความประนีประนอม เป็นทางออกจากความขัดแย้ง และ มีแนวหนุนรอบด้าน
วันนี้ (15 พ.ย. 65) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา ยูซอฟ อิสฮะก์ แห่งประเทศสิงคโปร์ ได้เผยแพร่บทความ โดย ดร.เติมศักดิ์ เฉลิมพลานุภาพ ภายใต้หัวข้อ “อนุทิน ชาญวีรกูล : ผู้ท้าชิงตำแหน่งผู้นำประเทศไทย ที่เข้มแข็งที่สุด” เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ระบุว่า
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข คือ คู่ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่มีความเข้มแข็งมากที่สุด พรรคภูมิใจไทย เป็นพรรคการเมืองที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีความเชื่อถือว่าจะเป็นทางเลือกที่ 3 เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทย ก้าวไปข้างหน้า หลีกเลี่ยงการปะทะระหว่างฝ่ายสนับสนุนอดีตนายกฯทักษิณ – พรรคเพื่อไทย กับฝ่ายสนับสนุนกองทัพ และพรรคพลังประชารัฐ ขณะที่บุคลิกของนายอนุทิน ไม่ต้องการการเผชิญหน้า และมีความจงรักภักดี เป็นปัจจัยให้ได้รับการสนับสนุนโดยกลุ่ม ส.ว. ที่สำคัญ ชัยชนะของนายอนุทิน คือ ทางลงจากตำแหน่งที่ดีที่สุดของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และพลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ ซึ่งทั้ง 2 จะไม่ถูกการเมืองเล่นงานย้อนหลัง
นับตั้งแต่ภูมิใจไทย มาอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของนายอนุทิน ปรากฏว่าพรรคมีการเติบโตเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และเป็นหนึ่งในกำลังสนับสนุนที่เข้มแข็ง และมีความสำคัญต่อพลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี นอกจากนั้น ยังเป็นพรรคที่มีระบบการจัดการภายในที่ดี มีวินัย และโหวตในสภา ไปในทิศทางเดียวกัน ไม่มีปัญหาความขัดแย้งภายในซึ่งต่างจากพรรคร่วมอย่างพลังประชารัฐ และพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่ ส.ส.ของพรรค ไม่พบการย้ายไปร่วมกิจกรรมกับพรรคอื่น กลับกัน ในรอบ 3 ปี พรรคภูมิใจไทย มี ส.ส.จากพรรคอื่นมาร่วมกิจกรรมด้วย ถึง 14 คน
ดร.เติมศักดิ์ ระบุว่า ในวัย 56 ปี นายอนุทิน ถือว่า มีประสบการณ์การเมืองมากพอสมควร และจุดนี้ทำให้เขาโดดเด่นกว่าแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย คือพรรคทางเลือกที่ 3 ที่มีความน่าเชื่อถือในเรื่องของนโยบายที่ให้ไว้กับประชาชน อาทิ นโยบายกัญชา ซึ่งเป็นไปตามสโลแกนหาเสียงเรื่อง “พูดแล้วทำ” พรรคกำลังถูกจับตามองว่าจะเป็นทางออกของประเทศไทย ท่ามกลางการต่อสู้อย่างดุเดือดระหว่างพรรคเพื่อไทย กับกลุ่มทหาร เมื่อมองมาที่กรอบการทำงานของพรรค ที่ต้องการลดอำนาจรัฐ และเพิ่มอำนาจประชาชนนั้น มีเสน่ห์พอสมควรในการดึงดูดความสนใจจากคนรากหญ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีจำนวน ส.ส.มากถึง 132 เก้าอี้ สำหรับพรรคภูมิใจไทย มีฐานที่แข็งแกร่งในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดอีสานตอนล่าง “ส่วนพรรคใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ ทั้งพรรคไทยสร้างไทย สร้างอนาคตไทย ชาติพัฒนากล้า พรรครวมไทยสร้างชาติ ล้วนมีความสัมพันธ์ทางการเมืองที่ดีกับพรรคภูมิใจไทยทั้งสิ้น”
ในทางการเมือง นายอนุทินไม่เคยโจมตีฝ่ายกองทัพ ขณะที่พรรคเพื่อไทย และอีกหลายพรรค หาทางโจมตี 2 นายพลอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่เกิดขึ้นย่อมสร้างความกลัวแก่ 2 นายพลว่าหากลงจากตำแหน่ง อาจจะต้องถูกจัดการทางการเมือง เช่นนี้แล้วจึงมีความพยายามขัดขวางการมีอำนาจของพรรคเพื่อไทย
และจากสายตาของกลุ่ม ส.ว. นายอนุทิน คือตัวเลือกที่ดี ในการสนับสนุนให้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีในอนาคต ในอดีต ส.ว.คือ กำลังสำคัญในการผลักดันพลเอกประยุทธ์ขึ้นมาเป็นนายกฯ โดยมี ส.ว. ถึง 249 คน จาก 250 คน ที่ยกมือให้พลเอกประยุทธ์ มีชัยเหนือนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อย่างไรก็ตาม การหวังพึ่ง ส.ว. เป็นทางเลือกที่เสี่ยง เพราะการเป็นนายกฯ เสียงข้างน้อยในสภา ส.ส.นั้น จะทำงานได้อย่างยากลำบากมาก อีกหนึ่งเหตุผล ที่ทำให้ ส.ว. วางใจในตัวนายอนุทิน คือ จุดยืนเรื่องความจงรักภักดี ซึ่งเป็นสร้างความเชื่อมั่น ให้กับพรรคอนุรักษ์นิยมรูปแบบเดียวกัน ในเรื่องชีวิตส่วนตัว นายอนุทิน มีความสามารถด้านการขับเครื่องบิน และใช้ความสามารถนี้สนับสนุนภารกิจของสภากาชาดไทย ในการรับส่งอวัยวะ เพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วย ล่าสุด วันที่ 18 ตุลาคม 2565 เขาได้ขึ้นบินไฟลท์ที่ 40 ในภารกิจหัวใจติดปีก
“นายอนุทิน มีคุณสมบัติที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป เขาไม่มีคู่แข่งรายอื่น มาเทียบเคียง นอกจากนั้น นี่ยังถือว่าเป็นนักการเมืองที่มีประสบการณ์ ขณะที่พรรคภูมิใจไทยกำลังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมีนักการเมืองที่ช่ำชองงานมาร่วมพรรค หากนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ต้องลงจากตำแหน่ง โดยที่ยังกลัวการถูกล้างแค้นทางการเมือง นายอนุทิน คือ ทางออกที่ดีที่สุด”