POLITICS

โฆษก พปชร.ยัน พร้อมเอาผิดทางวินัยและอาญาหากมีข้อมูลเชื่อมโยงคนในพรรค

โฆษก พปชร.ยืนยัน พร้อมเอาผิดทางวินัยและอาญาหากมีข้อมูล หรือพยานหลักฐานเชื่อมโยงคนในพรรค ไม่ปกป้องคนผิดอย่างแน่นอน

วันนี้ (15 ต.ค. 67) เวลา 14.00 น. พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีการปล่อยคลิปเสียง ถึงการเรียกร้องผลประโยชน์โดยอาศัยกลไกทางรัฐสภา เพื่อช่วยเหลือธุรกิจของกลุ่มดิไอคอน ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจของประชาชนและภาคสังคม และมีการเชื่อมโยงเป็นบุคคลในพรรคว่า จากการนำประเด็นดังกล่าวเข้าหารือในคณะกรรมการบริหารและสมาชิก ในเรื่องดังกล่าว พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยืนยันมาตรฐานทางจริยธรรมของพรรค พร้อมเอาผิดทางวินัยและอาญาหากมีข้อมูล หรือพยานหลักฐานเชื่อมโยงคนในพรรค ไม่ปกป้องคนผิดอย่างแน่นอน แต่ในขณะนี้แม้ว่า ‘บอสพอล’ หรือ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ The iCon Group จะออกมายอมรับว่าเป็นเสียงของตัวเองจริง แต่ไม่มีการยืนยันผู้ที่สนทนาด้วยเป็นใคร จึงยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นเสียงของผู้หนึ่งผู้ใด ดังนั้น การที่จะกล่าวหาผู้หนึ่งผู้ใดนั้น หรือใครเป็นผู้กระทำผิดต้องรอการพิสูจน์ และมีพยานหลักฐานที่ชัดเจน

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มีผู้ยื่นให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเรื่องนี้ไว้พิจารณาแล้ว เพื่อหาความจริงให้ปรากฏ หากปรากฏหลักฐานที่ชัดเจนว่า เป็นผู้หนึ่งผู้ใดที่อยู่ในพรรคพลังประชารัฐ หรือตำแหน่งใดก็ตาม ทางพรรคโดย พล.อ ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ยืนยันชัดเจนว่าจะไม่เอาไว้ จะต้องมีการดำเนินการในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นทางวินัยของพรรค และ คดีอาญา

พล.ต.ท.ปิยะฯ กล่าวว่า นอกจากนี้ สำนักตำรวจแห่งชาติ โดยขณะนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)ได้มีการตั้งคณะทำงาน เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่ม The Icon แล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความผิดอย่างแน่นอน หากผลการสอบสวนปรากฏ ว่าผู้หนึ่งผู้ใดของพรรคเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ หรือมีส่วนกระทำความผิด เราก็จะดำเนินการตามมาตรการของพรรคเช่นเดียวกัน

โฆษกพรรคพลังประชารัฐตอบข้อซักถามผู้สื่อข่าวถึงกรณีนี้แตกต่างกับกรณีของพรรคเพื่อไทยขับ พล.อ.พิศาลฯ หรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะฯ กล่าวว่า กรณีของ พล.อ.พิศาลฯ ลาออก ไม่ใช่ พรรคขับออก และกรณีนั้นศาลได้ออกหมายจับให้นำตัวมาดำเนินคดี แตกต่างจากกรณีคลิปเสียง ยังไม่รู้เลยว่าเป็นเสียงของใคร ยังไม่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษหรือดำเนินคดีกับใครเลย มันไม่เหมือนกัน และที่สำคัญที่พรรคพลังประชารัฐ ได้มีการเรียกร้องให้ท่านนายกรัฐมนตรีดำเนินการตามหน้าที่ ใน 3 ฐานะ คือ 1. หัวหน้ารัฐบาล 2. หัวหน้าพรรคเพื่อไทย 3. หัวหน้าส่วนราชการ ที่ดูแลงานการต่างประเทศ งานยุติธรรม และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีดังกล่าว ศาลได้ออกหมายจับ มาตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2567 นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าส่วนราชการที่ดูแลกระทรวงการต่างประเทศได้มีการดำเนินการมาตรการทางการต่างประเทศเพื่อให้ได้มาซึ่งตัวผู้มีหมายจับมาดำเนินคดีตามกฎหมายหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน เพิกถอนหนังสือเดินทาง หรือการดำเนินการอื่น ๆ เพื่อ ตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายในอายุความ ได้มีสั่งการให้สำนักงานแห่งชาติประสานตำรวจสากลออกหมายแดงเพื่อให้ได้ตัว สส. บัญชีรายชื่อ ของพรรคเพื่อไทยมาตามกฎหมาย ซึ่งในกรณีนี้ญาติผู้สูญเสียชีวิตคลางแคลงใจว่ามีการพยายามปล่อยให้ขาดอายุความหรือไม่

Related Posts

Send this to a friend