‘ผู้ว่าการทางฯ โต้ ‘ทวี’ ปมต่อสัญญาทางด่วน ชี้ขาดทุนปี 63 เป็นเพียงตัวเลขทางบัญชี
‘ภูมิใจไทย’ นำผู้ว่าการทางพิเศษฯ โต้ ‘ทวี’ ปมต่อสัญญาทางด่วน ชี้ขาดทุนปี 63 เป็นเพียงตัวเลขทางบัญชี ย้ำบริหารโดยยึดผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน
วันนี้ (15 ก.พ. 66) นายศุภชัย ใจสมุทร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย นำ นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) แถลงต่อสื่อมวลชนที่อาคารรัฐสภา ถึงกรณีที่ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคประชาชาติ ได้อภิปรายพาดพิงถึงการทางพิเศษแห่งประเทศไทยวันนี้ ในกรณีการต่อขยายสัญญาสัมปทานทางด่วน ขั้นที่ 2 และทางพิเศษสายบางปะอิน-ปากเกร็ด ซึ่งอาจนำไปสู่การทำให้ประชาชนเกิดความสับสน เข้าใจผิดต่อการดำเนินการ และการให้บริการประชาชนของการทางพิเศษแห่งประเทศไทยได้
การทางพิเศษได้ชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนี้
1.ในช่วงที่พันตำรวจเอกทวี อภิปรายว่า มูลหนี้ตามข้อพิพาททั้งหมด จะมีมูลค่าประมาณ 3 แสนล้านบาทนั้น ไม่ถูกต้อง ความจริงคือมูลหนี้ตามข้อพิพาททั้งหมด มีมูลค่า 1.37 แสนล้านบาท (ในกรณีหากแพ้คดีกับ BEM) ซึ่งได้ผ่านการเจรจาต่อรอง ในตอนนี้มูลหนี้ทั้งหมดจะมีมูลค่า 7.8 หมื่นล้านบาท
2.ในช่วงที่พันตำรวจเอกทวีอภิปรายว่า การรับสภาพหนี้ดังกล่าวทำให้ กทพ. มีหนี้เพิ่มจนทำให้ฐานะทางการเงินติดลบเป็นจำนวนมาก จากกำไร 6,000 ล้านบาททุกปี แต่เมื่อมีการต่อสัมปทานทำให้ในปี 2563 ขาดทุน 65,000 ล้านบาท ข้อเท็จจริงคือ สถานะทางการเงินในภาพรวมที่แท้จริงยังมีผลประกอบการที่ได้กำไรทุกปี เช่นในปีล่าสุดที่ทำไรไป 9,600 ล้านบาท และนำเงินส่งรัฐปีละประมาณ 3-5 พันล้านบาท มาอย่างต่อเนื่อง ในปี 2563 ที่พบว่าขาดทุน 65,000 ล้านบาท เป็นเพียงตัวเลขที่ขาดทุนทางบัญชีเท่านั้น
3.การขยายสัญญาตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) มิชอบตามกฎหมาย ที่คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองนั้น ตนขอยืนยันว่า การทางพิเศษแห่งประเทศไทยได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกฉบับอย่างเคร่งครัด โดยคำนึงถึงความเป็นธรรมทั้งกับประชาชนผู้ใช้บริการ และเอกชนผู้ร่วมลงทุน ดำเนินการบริหารโดยยึดประโยชน์สูงสุดของประชาชน ภาครัฐ และหลักธรรมาภิบาลตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมอย่างเคร่งครัด
นายสุรเชษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการเจรจาที่ใช้เวลาถึง 15 ปีนั้น ไม่ใช่แค่การเจรจาเรื่องหนี้ แต่มีการเจรจาเรื่องอื่นด้วย ตัวอย่างเช่น การขึ้นทางด่วนฟรีในวันหยุดราชการ ซึ่งการเจรจาดังกล่าวส่งผลประโยชน์กับประชาชน