นายกฯ ลุกชี้แจงรอบ 2 ป้องตำรวจดีมีอีกเยอะ – ฝ่ายค้านขอนายกฯ ชี้แจงให้ชัดทีละเรื่อง
นายกฯ ลุกชี้แจงรอบ 2 ป้องตำรวจดีมีอีกเยอะ ย้อนดูน้ำท่วมปี 54 หนักสุด ซ้ำนักลงทุนไม่เชื่อมั่น พอหลังปี 58 ประเทศก็พัฒนา ด้าน ส.ส.ฝ่ายค้าน มองนายกฯ เป็นน้ำเต็มแก้ว ขอชี้แจงให้ชัดทีละเรื่อง
วันนี้ (15 ก.พ. 66) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงครั้งที่สอง ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 28 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษเพื่อพิจารณาญัตติของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 เป็นวันแรก
พลเอก ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งที่ นายสุทิน ได้อภิปรายมา เป็นข้อเสนอแนะที่รัฐบาลได้ทำอยู่แล้ว ในเรื่องของโรงไฟฟ้า ขอให้ไปดูรายละเอียดกติกาอีกครั้งว่า กำหนดไว้อย่างไร ก่อนถามกลับว่า ทำไมตนเองถึงไม่อยากให้โรงไฟฟ้าเกิดขึ้นได้ หากเกิดได้ก็ดีอยู่แล้ว ย้ำว่า สิ่งที่ นายสุทินพูดมา ได้ทำหมดแล้ว แต่ไม่เห็นเอง
ส่วนเรื่องการปฏิรูปตำรวจ จากการที่มีตำรวจไปเกี่ยวพันกับการรับส่วย ยาเสพติด พนันออนไลน์ แต่งตั้งการดำรงตำแหน่งโดยใช้เส้นสาย พลเอก ประยุทธ์ ยืนยันว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการปฏิรูปตำรวจอยู่แล้วตามที่ รัฐธรรมนูญกำหนด อีกทั้งสภาฯ ยังร่วมกันพิจารณาจนออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปแล้ว
ส่วนเรื่องคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามที่ได้อภิปรายมา พลเอก ประยุทธ์ มองว่า เป็นเรื่องส่วนบุคคลที่ผู้บังคับบัญชา จะต้องกำกับดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้ดีที่สุด คนเรามีทั้งดีและคนไม่ดี ไม่ใช่ว่าเลวไปทั้งหมดตำรวจใช้ไม่ได้ ทหารก็แย่ ก็ลองกลับมาย้อนดูตัวเองบ้างแล้วกัน พร้อมขอให้เห็นใจตำรวจที่มีกำลังพลมากกว่า 200,000 นาย ทำงานดีๆ กันอีกเยอะ ไม่อย่างนั้นบ้านเมืองอยู่ไม่ได้ ย้ำว่า หากเจอใคร พัวพันผลประโยชน์ให้แจ้งมา ถ้าสิ่งไหนไม่ชัดเจน ผ่านโซเชียลให้เรียกมาสอบทุกราย เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย และส่วนตัวต้องรักษาศักดิ์ศรีของตำรวจดีๆ เอาไว้ด้วย ไม่ใช่ผิดไปทุกอย่าง ติมันง่าย ให้กำลังใจเป็นบ้าง
นอกจากนี้ พลเอก ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่น้ำท่วมอีกว่า ในสมัยปี 2554 น้ำท่วมมากกว่านี้ ซึ่งก็ถูกแก้ไขในปี 2557-2558 แต่ในปี 2565 ที่ผ่านมาซึ่งมีน้ำท่วมสูงเพราะฝนตกเกินมิลลิเมตร ดังนั้นก็อย่าพูดด้วยความรู้สึกอย่างเดียว อีกทั้งมีการบอกว่า การพัฒนา 8 ปี สูญเปล่านั้น ซึ่งสาเหตุที่มันไปไม่ค่อยได้เพราะเกิดปัญหาความขัดแย้งในทางการเมืองนักลงทุนไม่เชื่อมั่นก่อนปี 2557 มีเพียงแค่การกระจายงบประมาณย่อยๆ ไปสู่จังหวัดต่างๆ ซึ่งไม่ได้มีความเชื่อมโยงกัน
ในปี 2558-2562 มีการลงทุนและขยายตัวในภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น รวมถึงการคมนาคมที่มีเส้นทางรถไฟครอบคลุม 47 จังหวัด พร้อมย้ำว่าประเทศไทยไม่ได้ล้มเหลวเชิงเศรษฐกิจ เพราะได้รับรางวัลต่างๆ ในแง่ของการที่สามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ รวมถึงมีการลงทุนทางเทคโนโลยีค่อนข้างมาก และยังมีการพัฒนาแรงงานให้ทำงานกับเครื่องจักรหรือหุ่นยนต์ได้ ซึ่งหลังจากนี้จะให้โฆษกไปชี้แจงในสื่อออนไลน์ การที่มาบอกว่าทำไมนายกฯ ไม่ทำโน่นทำนี่ แล้วทำไมท่านไม่ทำเองตอนเป็นรัฐบาลนี่ไม่ได้ว่าใครแค่พูดลอยๆ
หลังนายกรัฐมนตรีชี้แจงเสร็จสิ้น นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย พยายามเรียก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เดินออกไปจากห้องประชุมทันทีหลังชี้แจงเสร็จสิ้น โดย นายจิรายุ กล่าวว่า จะบอกท่านนายกฯ ว่า ทางบ้านโทรฯ มาว่าท่านดูหงุดหงิด อยากให้ชี้แจงทีละเรื่อง ทีละประเด็น ไม่อยากจะประท้วง แต่อยากให้นายกฯ อธิบายว่าเคยทำอะไรมาแล้วบ้างมากกว่า
ด้าน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส. เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวขอบคุณนายกฯ ที่ตอบชี้แจง แต่เมื่อนายกฯ ถามย้อนกลับว่าฝ่ายค้านทำอะไรบ้าง ขออธิบายว่า ฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบ หน้าที่การทำเป็นของท่าน และเมื่อฝ่ายค้านนำปัญหามาอภิปราย แต่นายกฯ ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว ก็สะท้อนว่านายกฯ ยังไม่ได้เข้าใจปัญหาของประชาชนอย่างถ่องแท้
พรรคร่วมฝ่ายค้านยังขอยอมรับว่า อาจมีบางครั้งที่พรรคร่วมฝ่ายค้านพูดถึงนโยบายของพรรค ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเพราะนายกฯ ได้เริ่มศึกษานโยบายของพรรคร่วมฝ่ายค้านบ้างแล้ว แต่ขอให้อย่าเพิ่งฟันธงว่าจะทำได้หรือไม่ หรือต้องใช้งบประมาณเท่าใด
นายจุลพันธ์ ยังยอมรับว่า เป็นผู้ใช้คำว่า ‘บัตรคนจน’ เพราะเห็นว่าท่านเปลี่ยนชื่อบัตรเป็น ‘บัตรลุงตู่’ จึงเข้าใจไปว่าสามารถเปลี่ยนชื่อได้ แต่เมื่อนายกฯ ชี้แจงเช่นนี้ ต่อไปพรรคร่วมฝ่ายค้านก็จะใช้คำว่าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้ตรงกัน
ตามด้วย นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ซึ่งประท้วงการทำหน้าที่ของประธานฯ ว่า ที่นายกฯ บอกว่าจะไปตอบชี้แจงในโลกโซเชียล ซึ่งมักจะปิดช่องทางแสดงความเห็นเสมอแล้วทำไมประธานฯ จึงไม่บังคับให้นายกฯ ตอบชี้แจงในสภาฯ โดย นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯประธานการประชุมขณะนั้น ตอบกลับว่า การจะชี้แจงที่ไหนก็เป็นสิทธิของคนนั้น