‘ดร.สติธร’ มองเหตุผลทำไม ‘เศรษฐา’ รอด จับตาปรับ ครม.รัฐบาลพรรคเพื่อไทย
‘ดร.สติธร’ มองเหตุผลทำไม ‘เศรษฐา’ รอด ไม่พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จับตาการปรับ ครม.และความท้าทายของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
วันนี้ (14 ส.ค. 67) ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญ นัดอ่านคำวินิจฉัย กรณีประธานวุฒิสภาส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ ในเวลา 15.00 น.ที่ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ
The Reporters คุยกับ ดร.สติธร ธนานิธิโชติ ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า มองว่าผลการวินิจฉัยอาจเป็นไปตามการคาดการณ์ว่าจะรอด และในข้อเท็จจริง เห็นว่าเป็นการใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรี ถ้าข้อเท็จจริงมีเพียงเท่านี้ แล้วนำไปสู่การพ้นจากตำแหน่ง แสดงว่าเป็นการวางมาตรฐานสูงของนายกรัฐมนตรีที่ต้องไปรับรองการซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ของทุกคน ทั้ง ๆ ที่มีข้อกำหนดและข้อห้ามในรัฐธรรมนูญ และเป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ต้องดำเนินการในการตรวจสอบให้ถูกต้องก่อนนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ซึ่งกรณีนี้นายกรัฐมนตรี ได้ปรึกษาคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว หากทำขนาดนี้แล้ว ยังถูกร้องให้พ้นจากตำแหน่งอีก ก็เป็นเรื่องที่รุนแรงเกินไป ซึ่งหากละเลยไม่ทำตามกระบวนการตามปกติที่ทำกันมา ก็ไม่น่าจะมีอะไรผิดไป
ดร.สติธร กล่าวว่ากรณีที่ผูกพันกับนายพิชิต ชื่นบาน ได้ลาออกไปก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะรับเรื่องนี้ไปพิจารณา และเป็นเรื่องรับผิดในอนาคต เพราะบรรทัดฐานเป็นนามธรรม ถ้ามีใครเป็นรัฐมนตรีไปดำรงตำแหน่งว่าไม่ซื่อสัตย์สุจริต ถ้าวินิจฉัยจะได้รู้ว่าเป็นอย่างไร จะนำไปสู่การยืนยันว่าไม่ซื่อสัตย์ ก็ถอดถอนไป แต่เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีต้องรู้ก่อนใช่หรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่บอกยาก
“กระแสที่ว่านายกรัฐมนตรีจะรอด มีความมั่นใจมากขึ้น เพราะต้องยอมรับว่าหลังยุบพรรคก้าวไกล ที่เดิมมีการคิดว่าอาจมี สส.ย้ายพรรค อาจเป็นตัวแปรที่ให้เพิ่มอำนาจต่อรองเปลี่ยนขั้วรัฐบาลได้ เมื่อพรรคก้าวไกลเปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็วไปเป็นพรรคประชาชน โดยไม่มีงูเห่า ทำให้เกมเปลี่ยน เพราะทุกพรรค มี สส.เท่าเดิม จึงไม่ส่งผลต่อการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล หรือเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีได้”
ดร.สติธร กล่าวว่า ถ้านายกรัฐมนตรี รอด ก็ต้องติดตามว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี เพราะว่างอยู่ 2 ตำแหน่ง แต่ถ้านายกรัฐมนตรี ไม่รอด นายกรัฐมนตรี จะไม่สามารถรักษาการณ์ได้ แต่สามารถเลือกกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ถ้าไม่ใช่ลักษณะต้องห้ามก็อาจกลับมาได้ เหมือนกรณีนายสมัคร สุนทรเวช ถูกให้พ้นจากตำแหน่งโดยศาลรัฐธรรมนูญ แต่สถานะ สส.ยังอยู่ ถ้าพรรคพลังประชาชนเสนอให้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ได้ เพราะถูกตัดสิทธิการเป็นนายกรัฐมนตรีเพราะเป็นลักษณะต้องห้าม ซึ่งกรณีถ้าการเสนอชื่อนายพิชิต ถูกมองว่าเป็นการกระทำผิดก็ทำให้พ้นจากตำแหน่งไป ก็ต้องดูที่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่านายกรัฐมนตรีจะกลับมาเป็นแคนดิเดตได้อีกครั้งหรือไม่
“ถ้านายเศรษฐา รอด ก็เป็นการเริ่มต้นทำงานอย่างแท้จริง ที่นายเศรษฐาก็ต้องพิสูจน์ตัวเองเร่งสร้างผลงานของพรรคเพื่อไทย และเดินหน้าทำงานอย่างจริงจัง ซึ่งการเมืองไทยก็น่าจะสงบนิ่งไปบ้าง หลังการยุบพรรคก้าวไกล ไม่มีม็อบออกมาเคลื่อนไหว และต้องจับตาดูความเปลี่ยนแปลงในพรรคเพื่อไทย หลังนายทักษิณ ชินวัตร ได้พ้นการพักโทษ ก็น่าจะเข้ามามีบทบาททางการเมืองมากขึ้นด้วย”