‘อนุทิน’ ยันมติ ป.ป.ส.ปลดล็อกกัญชา เชื่อถือได้ไม่ใช่เรื่องของบุคคล
‘อนุทิน’ ยันมติ ป.ป.ส.ปลดล็อกกัญชา เชื่อถือได้ไม่ใช่เรื่องของบุคคล ชี้เวลานี้เลยเรื่องมารยาททางการเมืองแล้ว หลัง ‘สมศักดิ์’ บอกไม่กล้าค้าน เผยเลือกตั้งครบรอบ 1 ปี ภูมิใจไทยทำตามเป้า
วันนี้ (14 พ.ค. 67) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ใน ฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์กรณี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) มีหลายหน่วยงานไม่เห็นด้วยในการปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติด แต่ไม่กล้าคัดค้าน ว่าต้องดูมติที่ประชุมถ้าออกมาเป็นเอกฉันท์ ตนเองก็ต้องยึดตามนั้น ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขไปศึกษาตามที่นายสมศักดิ์ให้สัมภาษณ์ก็ถูกแล้ว เพราะทุกอย่างดีที่สุดคือมีข้อมูลมายืนยัน และรับฟังพี่น้องประชาชนทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายที่ใช้กัญชา และไม่ใช้กัญชา ทั้งหมดต้องมีขั้นตอนกระบวนการ ไม่อยากให้เป็นนโยบายประจำบุคคล สมมติวันหนึ่งตนเองเข้าไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก็ต้องนำกัญชากลับมาเป็นยาเสพติด แบบนั้นมันก็ไม่ใช่ ฉะนั้นจึงต้องใช้ข้อมูลให้มากที่สุด ไม่ใช่เรื่องของบุคคล แต่เป็นข้อมูลทางวิชาการ เพราะเป็นข้อมูลที่ทุกฝ่ายเชื่อถือได้
ส่วนที่นายสมศักดิ์ระบุว่าเป็นมารยาททางการเมืองในขณะนั้นจึงไม่คัดค้านนั้น การร่วมรัฐบาลทุกคนก็ต้องรักษามารยาท แต่สุดท้ายก็ต้องรักษากฎหมาย และประโยชน์ของประชาชน สิ่งที่ท่านพูดก็ถูกที่ต้องรักษาทุก ๆ อย่างเอาไว้ การออกกฎระเบียบอะไรก็แล้วแต่ต้องเป็นมติของที่ประชุม พอเป็นมติก็เลยเรื่องมารยาทไปแล้ว หากจะแก้ไขก็ต้องให้ที่ประชุมแก้ไข
เมื่อถามว่าในที่ประชุม ครม. นายกรัฐมนตรีได้พูดถึงเรื่องนี้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ได้พูดคุยเรื่องนี้เลย นายกฯสั่งการแล้วให้กระทรวงสาธารณสุขไปศึกษาข้อมูลต่างๆ ผลการใช้ผลการปฏิบัติ ว่ามีอะไรแตกต่างไปจาก 2 ปี ที่แล้ว ถ้าไม่มีอะไรแตกต่างก็ไม่มีเหตุผลที่จะเลิก แต่ถ้ามีอะไรแตกต่างไปในการที่เป็นโทษ ไม่ดีต่อพี่น้องประชาชนก็ต้องเลิก ก็มีแค่นี้เอง
ขณะที่วันนี้เป็นครบรอบ 1 ปีของการเลือกตั้ง พรรคภูมิใจไทยยังทำงานทุกวัน ทุกคนทำงานอย่างหนัก นโยบายต่าง ๆ เราพูดแล้วทำ นโยบายค่าแรงก็ตอบสนอง และวันนี้นายกฯ ก็อยากให้มีการแข่งขันวัวลานอย่างต่อเนื่อง โดยสั่งการให้กระทรวงมหาดไทย ดูเรื่องการแก้ไขระเบียบกฎหมาย ตนเองก็จะเสนอที่ประชุมครม. ซึ่งเป็นวิถีชีวิตเป็นวัฒนธรรมก็จะไปศึกษากันจะได้แก้ทีเดียวพร้อมกันเลย นี่ก็เป็นการตอบสนองคำสั่งนายกฯในฐานะที่เป็นหัวหน้ารัฐบาล