POLITICS

จเรตำรวจฯ ยัน ทางการจีนส่งรายชื่อ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียวดี 3,700 คน ให้ไทยคัดกรองออกจากเหยื่อค้ามนุษย์

จเรตำรวจฯ ยืนยัน ทางการจีนส่งรายชื่อ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียวดี 3,700 คน ให้ไทยคัดกรองออกจากเหยื่อค้ามนุษย์ แจง ปม เหยื่อที่ถูกหลอกข้ามไปทำงานเมียวดีแค่ 1% ยัน ไม่ใช่การฟอกขาวให้ข้าราชการในพื้นที่ ชี้ แถลงการณ์ ‘หม่อง ชิตตู‘ ไม่ใช่สาระสำคัญ แต่ต้องเป็นการทำให้ฝั่งนั้นไม่มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์

วันนี้ (14 ก.พ. 68) พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ก่อนร่วมประชุมกับสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNODC เพื่อจัดตั้ง Specialized Cyber Scam and Trafficking in Persons for Forced Criminality Taskforce

พล.ต.อ.ธัชชัย เปิดเผยว่า การประชุมในวันนี้เป็นการหารือเรื่องรายละเอียดที่ทางการไทยได้รวบรวมข้อมูลมาจากมาตรการปราบปรามกระบวนการคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ ทั้งการตัดการจ่ายไฟ ระงับสัญญาณโทรศัพท์ – อินเตอร์เน็ต และงดจ่ายน้ำมันตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้านเพื่อกำหนดแนวทางในการทำงานร่วมกัน

ส่วนที่แก๊งอาชญากรมีการย้ายฐานการกระทำผิดจากเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมาไป เมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวว่า ตอนนี้มาตรการ 7 ข้อของสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังได้ผลในการปราบปราบการทำผิดรูปแบบดังกล่าว สิ่งที่ตำรวจทำคือใช้แผนนี้กับประเทศอื่นๆ ในการแก้ไขปัญหาการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่เราพบคือประเทศเพื่อนบ้านล้วนใช้ทรัพยากรทั้งหมดจากประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต สัญญาณโทรศัพท์ และบัญชีธนาคารก็ใช้ของประเทศไทย

อีกทั้งคนไทยจำนวนมากมีการไปทำงานฝั่งประเทศกัมพูชา และลาว ส่วนนี้ทำให้เรามองว่าเป็นมิติที่ทางการไทยต้องมุ่ง “ระเบิดสะพานโจร” ล้มปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งที่ประเทศเพื่อนบ้านใช้ทรัพยากรของไทย แก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็ไม่สามารถอยู่ได้

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เจ้าหน้าที่จะใช้มาตรฐานอะไรในการคัดกรองกลุ่มที่เข้ามาได้อย่างไรระหว่างเหยื่อ กับ กลุ่มมิจฉาชีพ พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวว่า ปัจจุบันใช้แบบสอบถาม และขั้นตอนของกลไกการส่งต่อระดับชาติ (National Referral Mechanism: NRM) รวมทั้งใช้มาตรการสืบสวนสอบสวนเข้ามาร่วมด้วย โดยใช้ฐานข้อมูลจากระบบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และข้อมูลจากประเทศต้นทาง และแต่ละสถานทูตมาเชื่อมโยงกัน

นอกจากนี้ ทางการจีนได้ให้ข้อมูลมาที่ไทยแล้วว่ากลุ่มคนที่ไปทำงานที่ไปกระทำผิดในฝั่งประเทศเมียนมา โดยมีรายชื่อ 3,700 คนที่เป็นผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนในการกระทำความผิดในขบวนการค้ามนุษย์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ส่วนกรณีที่บอกว่ามีเหยื่อที่ถูกหลอกไปทำงานฝั่งเมียวดี ประเทศเมียนมานั้น มีฐานข้อมูลใดมารองรับหรือไม่ พล.ต.อ.ธัชชัย ระบุว่า ที่ผ่านมาจากการที่ตำรวจเราคัดกรองบุคคลเข้าพื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ในช่วงตั้งแต่คดีหวังซิง เมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา เราพบว่า เกือบ 100% เต็มใจที่จะเดินทางเข้าไปประเทศเพื่อนบ้านต่อมีอยู่เพียง 2-3 รายเท่านั้น ที่แจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ว่าถูกหลอกลวงมา และเราได้ส่งกลับไป พร้อมยืนยันว่า บุคคลทั้งหมดทางการไทยไม่พบการบังคับขู่เข็ญ ส่วนนี้จึงเป็นข้อมูลที่เราสื่อสารกับทั่วโลกได้ว่าคนที่มาประเทศไทยไม่ได้ถูกประเทศไทย 100% และตัวเลขเหล่านี้ ยืนยันได้ว่า เป็นการรวบรวมข้อมูลจากหลายหน่วย ไม่มีทางที่หน่วยระดับปฏิบัติการจะสร้างข้อมูลตัวเลขขึ้นมาหลอก

“ผมคิดว่า ถ้ามีใครถูกบังคับจริงๆ และเจ้าหน้าที่ปล่อยไปจริงๆ ผมว่าเราจะต้องดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่นั้นอย่างเด็ดขาด และต้องดำเนินคดีกับผู้บังคับบัญชาด้วย และผมก็เชื่อว่า ไปเป็นไม่ได้ ถ้าไปในพื้นที่จริง” พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าว

ส่วนที่ฝั่งการเมืองกังวลว่า การที่ระบุว่ามีเพียง 1% ที่ถูกหลอกไปทำงานฝั่งเมียวดี จะทำให้เกิดการลดทอนความรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์คอลเซ็นเตอร์ พล.ต.อ.ธัชชัย ชี้แจงว่า คำว่า 1% ที่ตนพูดไปหมายถึงการเข้าพื้นที่อำเภอแม่สอด ซึ่งการเข้าพื้นที่แม่สอดมีเพียงแค่ 2-3 รายที่เข้าไปแล้วถูกหลอก แต่ที่เหลือนั้นสมัครใจ แต่เวลาสมัครใจแล้วแอบข้ามไปกลับการเป็นถูกบังคับให้ทำงานที่เป็นอีกประเด็นนึง ที่เป็นการค้ามนุษย์อีกรูปแบบหนึ่ง ฉะนั้นความหมายของตน คือ ในประเทศไทยเราไม่มีการหลอก ประเทศไทยมีการเข้มงวดการเข้าพื้นที่ และสมัครใจ แต่ข้ามไปแล้วถูกบังคับให้ทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่ได้หมายความว่า ไม่มีใครถูกหลอกเลย แล้วข้ามไปฝั่งนั้น

เมื่อถามต่อว่า เหตุการณ์ดังกล่าวที่ตำรวจยืนยันว่าไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศไทยจะถือเป็นการฟอกขาวให้ข้าราชการในพื้นที่หรือไม่ พล.ต.อ. ธัชชัย กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวกันเพราะคนที่ถูกเข้ามาช่วยราชการยังไม่มีความผิด ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบ และขอยืนยันว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งการว่า หากพบมีการกระทำความผิดเกิดขึ้นก็พร้อมดำเนินคดีกับทุกคน

ส่วนการที่มีคำสั่งย้ายข้าราชการตำรวจนั้นจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ และเมียวดี คอมเพ็ลกซ์ หรือไม่ พล.ต.อ. ธัชชัย กล่าวว่า ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบ เพื่อความโปร่งใส ส่วนที่นายตำรวจดังกล่าวต้องถูกตรวจสอบในช่วงนี้เป็นเพราะอยู่ในช่วงสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ถึงแม้ว่าก่อนหน้าไม่ได้ทำ แต่หากพบว่าสถานการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้นก็จะมีการดำเนินการ

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ พ.อ.หม่อง ชิตตู ผู้นำกองกำลังพิทักษ์ชายแดน BGF ออกแถลงการณ์ถึงนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรื่องความร่วมมือในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการค้ามนุษย์ เป็นการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวว่า ตนคิดว่าข้อมูลที่เรามีกับฝั่งที่พูดถึงเป็นข้อมูลคนละภาคส่วนกัน และตอบยาก แต่ฝั่งเราก็มีข้อมูลของเรา ซึ่งสาระสำคัญ และเป้าหมายของเราคือการไม่ให้มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่นั้น

เมื่อถามถึงกรณีที่ นายพล ต. มีกระแสข่าวว่ามีความเกี่ยวข้องกับเมียวดีคอมเพล็กซ์จะถือว่าผิดจริยธรรมไหม พล.ต.อ. ธัชชัย กล่าวว่า เรื่องนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบ

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat