POLITICS

‘ชัยธวัช ตุลาธน‘ กับบทบาทใหม่ และการเป็น ‘ลมใต้ปีก’ พรรคประชาชน

ภายหลังจากการถูกตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี พร้อมกับการถูกยุบพรรคก้าวไกล หัวหน้าพรรคก้าวไกลคนสุดท้ายอย่าง นายชัยธวัช ตุลาธน หรือ ต๋อม ผู้ที่เริ่มต้นมาพร้อมกับธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจในการก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ยังคงเฝ้ามองดูพรรคประชาชน และพร้อมสนับสนุนในฐานะประชาชนคนหนึ่ง และเป็น ลมใต้ปีกให้กับพรรค

นายชัยธวัช เปิดเผยความรู้สึกหลังพรรคก้าวไกลถูกยุบ ว่า เราล้มก็ต้องลุกให้เร็วที่สุดแล้วเดินต่อ ส่งมอบงานให้ สส.ที่เหลือ อีกสักพักคงจัดการตำแหน่งหน้าที่ของตนเองว่าจะทำอะไรต่อก็แค่บทบาทที่เปลี่ยนไป มีอะไรอีกหลายอย่างที่อยากทำในขณะที่เป็นผู้บริหารพรรคและยังไม่มีเวลาทำหรือยังทำไม่ดี วันนี้น่าจะมีเวลา ทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนหรือลมใต้ปีกเสริมส่วนที่ยังไม่แข็งแรงพอให้กับพรรคประชาชน ตั้งแต่เริ่มต้นสร้างพรรคอนาคตใหม่ตนเองก็วางบทบาทไว้อย่างนั้นอยู่แล้วไม่ได้คิดว่าจะมาเป็น สส.หรือรัฐมนตรี

สิ่งหนึ่งที่เป็นแนวความคิดสำคัญคือ เราจะสร้างพรรคการเมืองให้ประชาชนแต่ละคนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในแบบของตนเอง พรรคการเมืองไม่ควรคิดแค่ว่าจะลงเลือกตั้ง ประชาชนไม่มีเวลาก็แค่บริจาคเงินให้ไปสู้ หรือสมัครเป็นสมาชิก เข้ามาเป็นอาสาสมัคร เป็นตัวแทนพรรคในอำเภอหรือจังหวัดนั้น ๆ อาสามาเป็นทีมพัฒนานโยบายทำงานร่วมกับ สส.

อย่างไรก็ตามพรรคก้าวไกลใช้เวลาย้ายไปพรรคประชาชนไม่ถึง 48 ชั่วโมง เพราะเราล้มแล้วต้องรีบลุกแล้วเดินหน้าต่ออย่างทรนงองอาจ มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อกว่าที่เราจินตนาการไว้ ไม่ถึงหนึ่งวันยอดบริจาคสูงถึงสิบล้านบาท เป็นสัญลักษณ์ที่ดีพรรคนี้ ชื่อ “ประชาชน” และเกิดขึ้นได้เพราะประชาชนจริง ๆ

ในฐานะอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลรู้สึกตื้นตันใจกับพรรคประชาชน จากข้อมูลหลังบ้านพบว่าพรรคประชาชนได้รับการบริจาคหลักหมื่นคน โดยเฉลี่ยบริจาคคนละไม่ถึง 1,000 บาท แสดงว่ามีผู้บริจาครายย่อยเยอะมาก ในแง่หนึ่งสะท้อนความรู้สึกและอารมณ์ของสังคมประชาชนจำนวนไม่น้อยต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

ส่วนที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าพรรคประชาชน “ประชาชน”หมายถึงใคร นายชัยธวัช กล่าวว่าเป็นเรื่องที่คิดมากเกินไปหรือคนพูดอาจมีความคิดไม่ดีในใจ เพราะพรรคนี้ไม่ได้เป็นพรรคใหม่ เคยมีมาแล้วเมื่อ 20 กว่าปีก่อนไม่เคยเห็นเป็นประเด็นอะไร พอพ้น 20 ปีหมดลิขสิทธิตามกฎหมาย พรรคอื่นก็สามารถนำไปใช้ได้ เชื่อว่าพรรคประชาชน สะท้อนความมุ่งมั่นและฐานคิดของอดีตอนาคตใหม่และอดีตก้าวไกล สืบทอดและดำรงต่อไปโดยคิดถึงคนส่วนใหญ่เป็นตัวตั้ง แต่เมื่อไรที่พรรคประชาชนได้เป็นรัฐบาลบริหารประเทศ แม้ประชาชนจะไม่ใช่ทุกคนที่เลือกพรรคประชาชนมา แต่พรรคประชาชนก็พร้อมทำงานให้กับประชาชนทุกคนโดยไม่ได้แบ่งแยก

สำหรับโฉมหน้าของคณะกรรมการบริหารพรรค สะท้อนถึงการปรับโครงสร้างการบริหารภายในพรรคตั้งแต่สมัยพรรคก้าวไกล พวกเราแกนนำพรรคเริ่มพูดคุยเรื่องการปรับโครงสร้างในการบริหารพรรคให้มีประสิทธิภาพ โดยแยกบทบาทระหว่างเลขาธิการ รองเลขาธิการ หัวหน้าพรรค รองหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคออกจากกันอย่างชัดเจน เรามีความคิดว่าอนาคตงานเลขาธิการพรรคควรจะเป็นงานที่รับผิดชอบกับการสร้างพรรคแบบฟูลไทม์ โดยไม่ต้องไปเสียสมาธิกับงานการเมืองอื่น โดยวิธีคิดนี้ก็มาจากประสบการณ์จริงที่เราทำ

ทั้งนี้กรณีที่ไม่แต่งตั้งนางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ นั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคแม้จะมีความเหมาะสม เพราะนางสาวศิริกัญญา ยังอยากสนุกกับบทบาทอื่น โดยเฉพาะงานนโยบายและยุทธศาสตร์ฝ่ายค้านเชิงรุก เรายังต้องการแม่ทัพที่แข็งแรงในการทำนโยบาย เพื่อพร้อมให้เป็นรัฐบาลที่ดีที่สุดในการเลือกตั้งครั้งหน้า

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และนางสาวศิริกัญญา ได้รับการยอมรับทั้งคู่ นายณัฐพงษ์โตมามาจาก สส.เขต มีประสบการณ์การทำงานในสภาฯ มากพอสมควร ส่วนในสมัยที่ 2 ก็เป็น สส.บัญชีรายชื่อ รับผิดชอบงานนโยบายเชิงประเด็นมากขึ้น เป็นไปตามที่ตนเองเคยปรารภว่าเมื่อพรรคแก่ขึ้นผู้บริหารควรจะมาจาก สส.เขต โดยช่วงหลังนายณัฐพงษ์ได้เข้ามาช่วยงานในพรรค ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลที่มีความพร้อมและมีความเหมาะสมในหลายมิติ

“ผมยังไม่เคยเจอใครเกลียดคุณเท้ง เป็นที่รักของทุกคน แต่แอบดื้อ มั่นคงในหลักการ” นายชัยธวัช นิยามความเป็นนายณัฐพงษ์

อีกทั้งในช่วงการอภิปรายนายณัฐพงษ์ก็ทำได้ดี สิ่งที่โดดเด่นนอกเหนือจากนโยบายดิจิทัลคือ การปฏิรูประบบงบประมาณ และการกระจายอำนาจ นายณัฐพงษ์สามารถใช้กลไกรัฐสภาพัฒนาวิธีการ แสดงความพร้อมในการบริหารพรรคและการบริหารประเทศ เราไม่สามารถเปรียบเทียบนายณัฐพงษ์กับหัวหน้าพรรคคนก่อนได้ หรือการวัดรอยเท้ากัน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ใช้เวลาในการพิสูจน์ว่าสามารถเป็นผู้นำในแบบของเขาได้ นายณัฐพงษ์เองก็ไม่เหมือนใคร มีข้อได้เปรียบเพราะได้เห็นประสบการณ์มา 2-3 รุ่น ถือว่ามีประสบการณ์มากกว่าหัวหน้าพรรคคนอื่น

ส่วนที่นายณัฐพงษ์ระบุว่าพร้อมที่จะพัฒนาตนเองเพื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในปี 2570 นั้นถือว่าไม่เป็นการถ่อมตัวมากเกินไป และไม่อหังการ์จนน่าหมั่นไส้ ถือว่าเป็นสไตล์ของเขา ทั้งนี้นายณัฐพงษ์ยังไม่ได้มาปรึกษาอะไรตนเอง เพราะต่างคนต่างยุ่ง แต่เรื่องที่ต้องคุยคือ ภาระที่ค้างคาและหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้าน

นายชัยธวัช กล่าวต่อถึงนายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชนว่าไม่ชอบให้แนะนำว่าเป็นเพื่อนสนิทนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เพราะเป็นการลดทอนคุณค่าของคน นายศรายุทธิ์ เป็นรุ่นพี่เตรียมอุดมศึกษา รู้จักนายศรายุทธิ์ และพี่สาวของนายธนาธร ก่อนที่จะรู้จักกับนายธนาธร สุดท้ายก็ได้ไปอยู่หอด้วยกัน จากนั้นก็ไปทำงานสภานิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ตอนหลังนายศรายุทธิ์ก็มาเข้าร่วมด้วย และตนเองก็รับตำแหน่งเลขาธิการของสภานิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ก่อนนายศรายุทธิ์ด้วย จึงเป็นเหตุให้เราเป็นเพื่อนสนิทกัน

นายศรายุทธิ์ เป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ในวันที่เริ่มต้นจากศูนย์ ตนเองกับนายศรายุทธิ์แบ่งกันลงพื้นที่ ขับรถกันไปในพื้นที่ทั่วประเทศไม่ต่ำกว่าเดือนละ 8,000 กิโลเมตร จากนั้นนายศรายุทธิ์ก็มีบทบาทเป็นผู้อำนวยการพรรคอนาคตใหม่และก้าวไกล ดังนั้นตำแหน่งเลขาธิการพรรคคงไม่มีใครเหมาะสมเท่ากับนายศรายุทธิ์ ที่รู้งานหลังบ้านมากที่สุด ทั้งยังเขาเป็นคนที่อดทนรับเอาปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นภายในพรรคมาไว้ที่ตนเองเยอะมากที่สุดคนหนึ่ง

ขณะที่ประเด็น 44 สส.ที่ถูก ป.ป.ช.สอบจริยธรรมจากการลงชื่อเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ยังน่าเป็นห่วง เพราะผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอาจจะไปกระทบกับคดีนี้ ประมาทไม่ได้ หวังว่ากระบวนการจะไม่เหมือนกัน หวังว่ามาตรฐานในการวินิจฉัย การพิสูจน์ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายจะไม่เท่าหรือไม่เหมือนกับเหมือนกับศาลรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามทีมกฎหมายต้องตั้งรับ โดยนำคำวินิจฉัยมาศึกษาอย่างละเอียดเพื่อปรับแนวในการต่อสู้

ส่วนที่หลายคนกังวลกรณีพรรคประชาชนไม่ลดเพดานเรื่องมาตรา 112 นั้น เพราะ สส.เองยังคิดว่าเรื่องนี้มีปัญหาอยู่ ควรจะใช้กลไกในสภาฯ เพื่อหาข้อยุติ ไม่ได้บอกว่าจะมีการยื่นแก้ไขกฎหมายในเร็ว ๆ นี้ แม้คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญจะคลุมเครือหลายเรื่อง แต่ไม่ได้ระบุว่าห้ามแก้ไข คนอาจจะไปตีความว่าเราไม่ลดเพดานมันคนละเรื่องกัน

พรรคก้าวไกลสืบเนื่องมาถึงพรรคประชาชนมีนโยบาย 6 บิ๊กแบงที่ใหญ่มาก เรื่องการแก้ไขมาตรา 112 เป็นเพียงเสี้ยวเดียว พรรคประชาชนไม่ได้ทำเรื่องนี้เรื่องนี้เดียวเหมือนกับที่บางฝ่ายพยายามพยายามกล่าวหา ยังมีนโยบายปฏิรูปรัฐไทย อุตสาหกรรมใหม่ ปฏิรูปกองทัพ การปฏิรูปการเรียนรู้ ทั้งหมดเป็นเรื่องที่กำลังศึกษากันอยู่อย่างเป็นรูปธรรมและมีความก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งถือเป็นอีกเรื่องที่ตนเองต้องส่งมอบงานให้กับหัวหน้าพรรคประชาชนด้วย

นายชัยธวัช ทิ้งท้ายว่าตนเองในฐานะอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้เตรียมรองรับไว้ทุกสถานการณ์ เชื่อว่า สส.และพรรคการเมืองที่มีอยู่คงไม่มีใครเห็นด้วยกับการยุบพรรค

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat