‘พริษฐ์’ ห่วงเสรีภาพสื่อถดถอย หลังมีนักข่าว-ช่างภาพโดนตำรวจจับ พร้อมนำเรื่องเข้า กมธ.พัฒนาการเมืองฯ 15 ก.พ. นี้
วันนี้ (13 ก.พ. 67) นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ จับกุมตัวผู้สื่อข่าวภาคสนาม สำนักข่าวประชาไทและช่างภาพอิสระ ในข้อกล่าวหาเป็นผู้สนับสนุนทำให้โบราณสถานเสียหาย โดยนายพริษฐ์ ระบุว่า ได้ทราบจากข่าว ว่าขณะนี้ทั้งสองคนถูกคุมตัวข้ามคืนที่ สน. ซึ่งต้องพิจารณาดูข้อเท็จจริงว่าทั้งสองคนถูกจับกุมเพียงเพราะแค่ไปรายงานข่าวตามที่มีการคาดกันไว้หรือไม่
นายพริษฐ์ ระบุว่า เรื่องนี้ขัดต่อหลักการสำคัญในการทำงานของสื่อมวลชน ที่ว่าการรายงานข้อเท็จจริง ไม่ได้เท่ากับสนับสนุนการกระทำที่เป็นเนื้อหาสาระสำคัญของข่าว และเสรีภาพของสื่อมวลชนก็เป็นเสรีภาพขั้นพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตย แต่ถ้าดูจากการวัดระดับเสรีภาพของสื่อมวลชนประเทศไทย เมื่อเทียบกับทั่วโลกใน World Press Freedom Index 2023 ประเทศไทยอยู่อันดับที่ร้อยกว่าจากสองร้อยประเทศที่มีการวัดผล ซึ่งถือว่าเป็นสถานการณ์ที่ไม่ดีมากนัก และหากเหตุการณ์จับกุมสื่อมวลชนมีเหตุผลตามที่คาดการณ์กันจริง ก็จะยิ่งทำให้เสรีภาพสื่อยิ่งถดถอย
ในส่วนของพรรคก้าวไกลเอง นางสาวภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองโฆษกพรรคก้าวไกล หนึ่งในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ด้วย ก็จะนำเรื่องนี้เข้าสู่ กมธ.ในวันพฤหัสบดีนี้ (15 ก.พ. 67) และอาจเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อหาทางออก
นายพริษฐ์ กล่าวว่า ถือว่าเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง เพราะสื่อมวลชนมีสิทธิขั้นพื้นฐานในการรายงานข้อเท็จจริงทุกเหตุการณ์ และเป็นการรับประกันสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนด้วยการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารอย่างครบถ้วนรอบด้าน แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่สื่อมวลชนต้องหวาดระแวง ระมัดระวัง ในการทำหน้าที่รายงานข้อเท็จจริง ก็ถือเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงมากต่อประชาธิปไตยของประเทศไทย และหวังว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น พร้อมขอให้รัฐบาลรีบสืบค้นข้อเท็จจริงและหาทางแก้ไขโดยด่วน
สำหรับกรณีที่พรรครวมไทยสร้างชาติเตรียมเสนอญัตติด่วน เกี่ยวกับการปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยของขบวนเสด็จฯ ในวันพรุ่งนี้นั้น นายพริษฐ์ ระบุว่า ต้องมาดูรายละเอียดของญัตติก่อน ว่าที่มาที่ไปของเหตุผลในการประกอบญัตติเป็นเช่นไร แต่โดยเบื้องต้น เห็นว่าเป็นประเด็นที่มีความแตกต่างกันทั้งในและนอกสภาฯ และเป็นหัวข้อที่ละเอียดอ่อน ซึ่งก็เป็นเรื่องดีที่ถูกนำมาพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมา และมีเหตุมีผลจากตัวแทน ที่มีความคิดเห็นแตกต่างหลากหลาย ในพื้นที่ของสภาผู้แทนราษฎร อย่างไรก็ตาม นายพริษฐ์คาดการณ์ว่าญัตติดังกล่าว ประกอบด้วยสองโจทย์
1.จะออกแบบมาตรการเรื่องขบวนเสด็จฯ อย่างไรเพื่อหาสมดุล ระหว่างการรักษาความปลอดภัย ควบคู่กับความพยายามลดผลกระทบ ที่อาจจะมีต่อประชาชนผู้สัญจรไปมา
2.เป็นโจทย์ที่กว้างกว่า คือการจะบริหารความขัดแย้งในสังคมอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง หรือขยายช่องว่างทางความเข้าใจและความคิดที่แตกต่าง ด้วยกระบวนการประชาธิปไตย ส่วนตัวมองว่าสิ่งสำคัญเร่งด่วนที่สุดตอนนี้ คือไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้นในสังคม
เมื่อถามว่าการกระทำของกลุ่มนักกิจกรรม มองว่าเกินกว่าเหตุหรือไม่ นายพริษฐ์ เผยว่า หัวหน้าพรรคก้าวไกลได้เคยตอบเรื่องนี้ไปเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าความเห็นที่แตกต่างในสังคมเป็นเรื่องปกติ และสังคมจะมองทั้งเนื้อหาสาระที่มีการเรียกร้องและวิธีการเรียกร้องควบคู่กันไป แต่ ไม่ว่าเราจะเห็นด้วยหรือไม่กับเนื้อหาสาระและวิธีการ เราจำเป็นต้องไม่ยึดหลักการใช้ความรุนแรงแก้ไขปัญหา เพื่อหาทางคลี่คลายผ่านความเห็นที่แตกต่างผ่านกระบวนการสันติวิธีให้ได้