‘สรวงศ์’ ยัน ‘ทักษิณ’ ไม่เกี่ยวกับพรรค ชี้ เป็นแค่พ่อหัวหน้าพรรค แจง ไม่มี กก.บห.เพื่อไทย กินมาม่าบ้านจันทร์ส่องหล้า
วันนี้ (12 พ.ย. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า 6 พรรคร่วมรัฐบาลเดินทางเข้าบ้านจันทร์สองหล้าหลังนายเศรษฐา ทวีสิน ถูกศาลสั่งให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นเพียงการไปกินมาม่าเท่านั้น ว่า ในวันที่เป็นข่าวไม่มีคนของพรรคเพื่อไทยอยู่ในที่เกิดเหตุเลย ตนเองไม่ทราบจริง ๆ
เมื่อถามย้ำว่าในวันที่นายเศรษฐา พ้นตำแหน่งไม่มีคนในพรรคเพื่อไทยไปที่บ้านจันทร์ส่องหล้าใช่หรือไม่ นายสรวงศ์ ยืนยันว่า ไม่มี ไม่มีเลย เนื่องจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทยอยู่บนเครื่องบิน ส่วนตนเองและนายวิสุทธิ ไชยณรุณ ประวิปรัฐบาลอยู่ที่รัฐสภา กำลังเคลียเรื่องกระทู้
ส่วน นพ.พรหมมินทร์ เลิษสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่ได้เข้าไปที่บ้านจันทร์ส่องหล้าใช่หรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ท่านไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย เป็นเพียงสมาชิกพรรคเพื่อไทยเท่านั้น
นายสรวงศ์ กล่าวถึงการประเมินสถานการณ์กรณีที่อัยการสูงสุดส่งผลการสอบสวนให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีนายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิ์หรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง โดยมีการคาดการณ์ว่าวันที่ 22 พ.ย.นี้ จะพิจารณารับคำร้องหรือไม่ ว่า ไม่ได้เตรียมพร้อมอะไร เรายืนอยู่บนความตรงไปตรงมาอยู่แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราพร้อมต่อสู้ในแง่มุมของความบริสุทธิ์ใจ
เมื่อถามว่าหากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องจะถึงส่งผลถึงขั้น ครม. ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ นายสรวงศ์ ระบุว่า อันนี้เป็นเรื่องข้อกฎหมาย ไม่ทราบจริง ๆ แต่มองว่า หากศาลรับคำร้องก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ ครม.
นายสรวงศ์ ยืนยันว่า ที่จริงก็สามารถแจงได้หมด ประเด็นแรกนายทักษิณ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพรรคเพื่อไทย ยกเว้นเป็นพ่อของหัวหน้าพรรคแค่นั้น
ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าผู้ที่จะถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีคือนายชัยเกษม นิติสิริ แต่พรรคเพื่อไทยเลือกเสนอชื่อน.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีถือเป็นข้อต่อสู้ได้หรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ที่จริงไม่ได้เกี่ยวกัน ตนเองได้เห็นข่าวจากสื่อว่ามีการเคาะชื่อนายชัยเกษม แต่ในฐานะที่เป็นเลขาธิการพรรคก็มีการพูดคุยกันว่าจะต้องมีการประชุมพรรคในเช้าวันถัดไป และผลประชุมของพรรคก็ให้กรรมการบริหารพรรคสรรหาผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีซึ่งก็เป็นไปตามขั้นตอนทุกอย่าง