ศึกพลังประชารัฐ ‘ชัยมงคล’ อภิปรายซัดรัฐบาล ครม.เอาลูกมาแทนพ่อ เอาน้องมาแทนพี่ ‘อรรถกร’ ลุกโต้ทำผิดข้อบังคับ
พลังประชารัฐเสียงแตก ‘ชัยมงคล’ อภิปรายซัดรัฐบาล ครม.เหล้าเก่าในขวดใหม่ เอาลูกมาแทนพ่อ เอาน้องมาแทนพี่ ถามมีที่ไหน 39 เสียงยกมือให้แต่กลายเป็นฝ่ายค้าน ด้าน ‘อรรถกร’ ลุกโต้ทำผิดข้อบังคับ เสียดสีซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถามย้อนเมื่อ 2 เดือนก่อนยังเห็นด้วย แต่วันนี้เหมือนเปลี่ยนใจ
วันนี้ (12 ก.ย. 67) ในการประชุมร่วมรัฐสภา ครั้งที่ 2 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย นายชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของรัฐบาลว่า พลันที่ได้ทราบว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ก็นึกถึงประโยคที่บอกว่า “คนไทยมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี” ตอกย้ำตามคำแถลงนโยบายว่า ความหวังของคนไทยเริ่มเรืองรอง แต่เมื่อได้เห็นหน้าของคณะรัฐมนตรี ความหวังนั้น ก็พลันเลือนลาง
ครม.ชุดนี้ประกอบไปด้วยคนเก่า 70-80% มีคนใหม่มาบ้าง เปรียบเสมือนเหล้าเก่าในขวดใหม่ที่เขียนฉลากเพิ่มเติม บางคนเอาลูกมาแทนพ่อ หรือน้องแทนพี่ ท่านที่มาแทนกัน อาจจะเป็นคนดี แต่ท่านบริหารราชการแผ่นดินที่มีเดิมพันเป็นคนไทย 70 กว่าล้านคนได้หรือไม่
ครม.ชุดนี้ มีองค์ประกอบหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งชำรุดทางประวัติศาสตร์ที่เป็นผลพวงจากพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ซึ่งมีจุดยืนว่าอำนาจรัฐต้องมาจากปลายกระบอกปืน และมีรัฐมนตรีที่เป็นมา 17-18 สมัย ส่วนคนใหม่ก็สืบทอดโดยสายเลือด จึงได้เห็นสื่อมวลชนขนานนามว่า เป็นญาติกาบ้าง เป็นผู้สืบสันดานบ้าง ทำให้เห็นปลายทางของนโยบายรัฐบาลชุดนี้ ว่าไม่น่าจะมีผลประการใด
นโยบายของรัฐบาลชุดนี้ไม่ต่างจากชุดที่แล้ว เพราะมีต้นทางจากพรรคเพื่อไทยเหมือนกัน เช่น ปัญหายาเสพติด แต่ท่านบอกเองว่าในไตรมาสที่ 2 มีคดียาเสพติดเพิ่มขึ้น แปลว่าเป็นการบริหารล้มเหลว รวมถึงนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ที่เพิ่มรายได้ให้ประชาชน ส่วนตัวเชื่อว่าจะมีการจ้างงานจริง แต่คนรวยมีกี่ตระกูล คนจนมีนับ 10 ล้านคน ทำให้เห็นว่านโยบายชุดนี้มาจากชนชั้นนำเพื่อชนชั้นนำ และกลุ่มทุนขนาดใหญ่ จึงไร้ความหวัง
เรื่องเหล่านี้ต้องดูการกระทำที่เป็นจริง วันนี้ภาพที่ประชาชนรับรู้คือ ตระบัดสัตย์ มีที่ไหน พรรคที่ยกมือให้ 39 เสียง ออกไปเป็นฝ่ายค้าน เปรียบเสมือนหุงข้าวมาด้วยกัน พอข้าวสุก ข้าพเจ้าขอกินคนเดียว แต่พรรคที่งดออกเสียงได้เป็นรัฐบาล
จากนั้นนายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นประท้วงโดยอ้างถึงข้อประชุมรัฐสภาข้อที่ 45 ว่า ตั้งแต่เริ่มต้นเพื่อนสมาชิกทำผิดข้อบังคับในการเสียดสีซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตนเองแปลกใจว่า หากย้อนกลับไปเมื่อ 2 สัปดาห์หรือ 2 เดือนก่อน นโยบายของรัฐบาลชุดนี้ ก็คงเห็นด้วย แต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร วันนี้เหมือนเปลี่ยนใจ จึงอยากฝากว่า ขอให้ช่วยทำตามข้อบังคับอย่างเคร่งครัดด้วย
นายชัยมงคล จึงตอบผู้ประท้วงว่าตนเองทำหน้าที่ฝ่ายค้าน จึงทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล และนักการเมืองไม่สนใจว่าจะเป็นฝ่ายไหน ตนเองไม่อยากเห็นรัฐบาลที่มาจากชนชั้นสูง เพื่อชนชั้นสูง อาศัยมือของประชาชนในคราบประชาธิปไตย แล้วมากอบโกยผลประโยชน์อย่างตะกละตะกลามและมูมมาม