POLITICS

‘ปานปรีย์’ ยืนยัน ยังไม่มีทหารเมียนมาขอข้ามมาไทย พร้อมทำตามหลักมนุษยธรรมไม่ส่งกลับหากเป็นอันตราย

เผย อาเซียน เตรียมออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ยุติความรุนแรงในเมียวดี เชื่อว่าภายในกำลังมีการเจรจาป้องกันไม่ให้บานปลายกระทบชายแดน

วันนี้ (12 เม.ย.67) นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีความเป็นห่วง จึงได้ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ มาดูแลสถานการณ์ความไม่สงบในเมียนมา มีตนเองเป็นประธาน และสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นฝ่ายเลขา ส่วนวันนี้มาดูพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก มีการประชุมในช่วงเช้ากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในหลายประเด็นมีความซับซ้อน ซึ่งต้องยอมรับว่าเมียนมาเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ประชาชนเดินทางค้าขายระหว่างกันสูงมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ทั้งสะพานแห่งที่ 1 ที่มีประชาชนเข้าออก และ สะพานที่ 2 ที่เมีการขนส่งสินค้าปริมาณมาก ซึ่งตนเองได้ไปดูทั้ง 2 ด่าน และที่ด่านศาลเจ้า 34 ที่เป็นด่านธรรมชาติ วันนี้ไม่มีสถานการณ์ใดๆ การขนส่งเป็นไปตามปกติ ชาวเมียนมาและไทย เดินทางไปมาหาสู่ กันตามปกติ

นายปานปรีย์ กล่าวถึงกรณีมีความรุนแรงเกิดขึ้นในเมืองเมียวดี อาจเป็นเหตุให้ชาวเมียนมาจะต้องหนีเข้ามาในไทย เพื่อจะหาสถานที่ปลอดภัย ได้มีการสอบถามความพร้อมจากหน่วยงานในพื้นที่ ได้รับรายงานว่าทั้ง 4 ประเด็นที่มีความสำคัญ ทั้งคนไทยที่ได้รับผลกระทบชายแดน มีการเตรียมพร้อม ได้จัดสถานที่ไว้แล้ว

กรณีทหารเมียนมาจำนวนหนึ่งอยู่บริเวณสะพาน 2 ฝั่งเมียวดี นายปานปรีย์ ยืนยันว่า ยังไม่ปรากฏว่าจะข้ามมาฝั่งไทย และยังไม่มีการร้องขออย่างเป็นทางการ ยืนยันว่า ประเทศไทยไม่ได้มีปัญหาอะไร พร้อมดูแลตามหลักมนุษยธรรม ส่วนกลุ่มคนจีนที่จะข้ามมาอาจเป็นกลุ่มที่เข้ามาไม่ถูกต้องตามกกหมายจะมีกระบวนการคัดกรองตามกฏหมาย ซึ่งเป็น 4 กลุ่มที่ได้เตรียมพร้อมอย่างครบถ้วน

ในส่วนการบริหารจัดการกรณีเกิดสถานการณ์ขึ้นมานายปานปรีย์ เปิดเผยว่า จะมีศูนย์สั่งการชายแดนที่มีผู้ว่าราชการ จ.ตากเป็นประธาน จะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายความมั่นคงและทหารมาดูแล กองทัพบกมาดูแลตามแนวชายแดน เวลานี้เฝ้าระวังไม่ให้รุกล้ำเข้ามาในแผ่นดินไทย

“กรณีทหารเมียนมา ยังไม่มีการร้องขอเข้ามาอย่างเป็นทางการ โดยหลักการปฏิบัติในกรณีทหารขอข้ามแดนมาเพราะเกิดอันตราย ไทยมีขั้นตอนชัดเจน ทหารเหล่านั้นต้องปลดอาวุธ แต่งตัวเป็นพลเรือน ถึงจะอนญาตให้เข้ามาตามหลักมนุษยธรรม กรณีที่เข้ามาจริง แล้วเราต้องดูแลโดยหลักมนุษยธรรม ต้องไม่ส่งกลับไปในที่ที่อันตราย ตามหลักกฏหมายระหว่างประเทศ เราไม่มีนโยบายส่งกลับไปในที่อันตรายอยู่แล้ว เป็นหลักปฏิบัติที่เรายึดถือและยังไม่เกิดขึ้น”

นายปานปรีย์ เปิดเผยว่า จำนวนทหารที่หนีทัพอยู่ฝั่งเมียวดี ตามข่าวประมาณ 200 คน แต่ไปตรวจสอบดูจะมีจำนวนน้อยมาก และอยู่กันอย่างปกติ และมองว่าสถานการณ์ในเมียวดี ยังอยู่ระหว่างการเจรจา เพราะหากจะมีการเข้ายึดพื้นที่คงทำไปนานแล้วขณะนี้ น่าจะมีการเจรจาเพื่อผ่อนปรนและยุติปัญหาให้ได้

“เราเป็นประเทศเพื่อนบ้าน ไม่อยากให้มีความรุนแรงขึ้น อยากให้พูดคุยกันเองในกลุ่มของเขา ถ้าให้เราเป็นคนกลางจะยินดีมาก เรากระทบมากเรื่องการค้าขาย ที่ลดลงมาตั้งแต่เกิดสถานการณ์ ถ้าความสงบในเมียวดีเกิดขึ้นได้ การค้าก็กลับมา”

นายปานปรีย์ เปิดเผยว่า ไทยได้ส่งข้อความไปถึงรัฐบาลเมียนมา SAC แล้วว่าไม่ประสงค์จะเห็นความรุนแรง และพูดคุยกับอาเซียนว่ามีแถลงการณ์ออกไป เพื่อให้ลดความรุนแรงในเมียวดี และขอให้ออกมาพูดคุยตามแนวทางฉันทามติ 5 ข้อที่อาเซียนวางไว้ รวมถึงข้อเสนอให้เมียวดีเป็นพื้นที่ปลอดภัย ก็เป็นแนวทางที่พูดคุยกัน แต่ต้องให้เมียวดีเกิดความสงบเสียก่อนถึงจะแก้ปัญหาได้

นายปานปรีย์ เปิดเผยถึงกรณีที่ประเทศไทยใช้เครื่องบินขับไล่ลาดเตระเวนตามชายแดนเพื่อจัดการกับเครื่องบินที่บินล้ำน่านฟ้า เป็นหลักปฏิบัติที่อาจมีการตัดเตือนตามขั้นตอน รัฐบาลไทยชัดเจนไม่ว่าใครที่ละเมิดเข้ามาในแผ่นดินไทยเรายอมไม่ได้ ทหารก็อยู่ตามแนวชายแดน

Related Posts

Send this to a friend