ศาลอาญามีคำสั่งยกคำร้องการเพิกถอนประกันตัว ‘ไอซ์ รักชนก‘
ศาลอาญามีคำสั่งยกคำร้องการเพิกถอนประกันตัว ‘ไอซ์ รักชนก‘ เผย ประเด็นดังกล่าวเป็นความคิดเห็นทั่วไปไม่เกี่ยวกับรูปคดี ชี้ การวิพากษ์วิจารณ์เป็นเรื่องสาธารณะไม่ใช่เรื่องส่วนตัว
วันนี้ (11 ธ.ค. 67) ที่ศาลอาญา รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งกรณีที่มีการยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยเพิกถอนการประกันตัว น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน (ปชน.) จำเลยคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 (คดีหมายเลขดำ อ.683/2565 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 10 เป็นโจทก์) โดยศาลมีคำสั่งยกคำร้องขอเพิกถอนการประกันตัวดังกล่าว เนื่องจากพฤติการณ์ของจำเลยที่มีโพสต์ข้อความนั้นไม่เกี่ยวกับเรื่องในคดีที่ถูกฟ้อง
น.ส.รักชนก เปิดเผยว่า วันนี้ศาลยกคำร้องขอเพิกถอนการประกันตัว โดยประเด็นของผู้ยื่นคำร้องนั้นมี 2 ประเด็น คือ เรื่องหลักประกันที่ นายชัยธวัช ตุลาธน อดีต สส.พรรคก้าวไกล ซึ่งเคยใช้ตำแหน่ง สส. ยื่นประกันตนเอง แต่ภายหลังนายชัยธวัชถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสิทธิ์ทางการเมือง จึงหลุดจากตำแหน่ง สส. ซึ่งตนเองได้เปลี่ยนหลักทรัพย์การประกันตัวเป็นวางหลักทรัพย์เงินสดจำนวน 5 แสนบาท ซึ่งเป็นจำนวนที่ศาลวางไว้แต่แรก ส่วนประเด็นที่สอง คือ อ้างว่าตนเองผิดเงื่อนไขการประกันตัว โดยนำโพสต์ Facebook ส่วนตัวที่ตนเองโพสต์จึงตั้งข้อสังเกตกับสื่อมวลชนว่า ทำไมถึงใช้คำว่าป้ายขนาดใหญ่ แทนคำว่า ซุ้ม และอีกโพสต์ คือ ตนเองโพสต์เกี่ยวกับพลทหารที่ซักกางเกงในให้นาย ซึ่งโพสต์ดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการรณรงค์ให้ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร แต่ผู้ยื่นคำร้องนำไปเชื่อมโยงว่า การโพสต์ดังกล่าวเป็นการด้อยค่ากองทัพ และกระทบกระเทือนถึงพระมหากษัตริย์ในฐานะที่ทรงเป็นจอมทัพไทย จึงเข้าข่ายพาดพิงสถาบัน ตนเองมองว่าประเด็นนี้เป็น GAT เชื่อมโยงที่ไม่น่าเชื่อว่าหาเหตุผลนี้ได้อย่างไร ซึ่งในประเด็นดังกล่าว ศาลเห็นว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นทั่วไปจึงเป็นเหตุให้ศาลยกคำร้องขอเพิกถอนประกันตนเอง
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าหลังจากนี้จะระมัดระวังในการแสดงความคิดเห็น และการใช้สื่อโซเชียลมีเดียหรือไม่ น.ส.รักชนก กล่าวว่า วันนี้ศาลไม่ได้กำหนดเงื่อนไขอะไรเพิ่มเติม แต่ตนเองมองว่าในฐานะที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จึงไม่ควรที่จะเซ็นเซอร์ตนเอง การที่ตนเองออกมาวิพากษ์วิจารณ์ก็เป็นประเด็นเรื่องสาธารณะไม่ใช่เรื่องส่วนตัว โดยเฉพาะประเด็นการใช้งบประมาณที่ต้องคุ้มค่ากับภาษีประชาชน ตนเองเชื่อว่าประชาชนที่รัก และเข้าใจในเรื่องสิทธิและเสรีภาพ จะเข้าใจในการกระทำของตนเองว่าทำเพื่อประโยชน์ของสาธารณะจริง
ส่วนกรณีที่ฝั่งผู้ยื่นคำร้องจะยื่น ป.ป.ช. นั้น น.ส.รักชนก กล่าวว่า ตนเองมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ และเสียเวลา เนื่องจากกระทบเวลาที่ตนเองต้องทำงานที่รัฐสภา มองว่าไม่เป็นสาระไม่เป็นความอะไร ตนเองเอาเวลาไปเข้าประชุมสภา และทำงานให้ประชาชนดีกว่า ไม่เข้าใจว่าฝั่งนั้นจะทำแบบนี้ทำไม ทั้ง ๆ ที่คำสั่งศาลอุทธรณ์ก็จะออกแล้ว ยิ่งตนเองอยู่พรรคนี้ก็ยิ่งรู้อยู่แล้วว่าผลออกมาจะเป็นอย่างไร คุณรอผลการอุทธรณ์ดีกว่าไหม อีกทั้งมองว่ากระทบกับพื้นที่สื่อที่ควรให้พื้นที่กับข่าวสำคัญ ดีกว่าข่าวถอนประกันของตนเอง ตนเองมองว่าสังคมไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยจากการกระทำดังกล่าว ดังนั้น ตนเองขอตั้งคำถามให้สังคมคิดว่า มีเพียงแค่พรรคประชาชนที่ต้องเผชิญกับกระบวนการแบบนี้ จึงคาดว่าอาจจะมีผลประโยชน์ทับซ้อนที่อยู่เบื้องหลังของขบวนการบุคคลเหล่านี้หรือไม่ ในการจ้องจะเล่นงานพรรคประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า มองอย่างไรกับการที่เป็น สส. แต่ต้องถูกคำพิพากษาในศาลชั้นต้น จะเข้าข่ายเป็นการขัดจริยธรรมนักการเมืองหรือไม่ น.ส.รักชนก มองว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่พูดยาก แต่ก็คาดหวังว่าในชั้นอุทธรณ์ตนเองจะได้รับความเป็นธรรมเพราะตนเองก็ได้ต่อสู้ในทุกสิ่งทุกอย่างที่จะสามารถต่อสู้ได้ โดยตนเองได้ยื่นอุทธรณ์ไปเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว และขณะนี้อยู่ในระหว่างการรอคำสั่งศาลอุทธรณ์ แต่ไม่ทราบว่าจะมีคำสั่งเมื่อไหร่
ทั้งนี้ ศาลกำชับให้ น.ส.รักชนก ปฏิบัติตามเงื่อนไขในการประกันตัวอย่างเคร่งครัด