‘ศิริกัญญา’ ซัด ‘เศรษฐา’ แถลงนโยบายแบบกว้าง ๆ ไร้กรอบเวลา
ยกยุค ‘ยิ่งลักษณ์’ ทำดีกว่ามาก ชี้ เงินดิจิตอล วอลเล็ต ทำไม่ได้จริง มองบริหารประเทศไม่ใช่การพนัน เทหมดหน้าตัก หวังน้ำบ่อหน้าไม่ได้
วันนี้ (11 ก.ย. 66) ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 5 เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้เริ่มต้นอภิปรายว่า การแถลงนโยบายสำคัญมากในระบอบประชาธิปไตย เพราะจะเป็นกลไลในการแสดงความรับผิดชอบของรัฐบาลในฝ่ายบริหารประเทศ และเป็นเรื่องที่เราต้องติดตามไปตลอด 4 ปี การแถลงนโยบายที่ดีจะกู้คืนความเชื่อมั่น ความศรัทธาของประชาชนของรัฐบาลใหม่ ใน 4 ปีข้างหน้า จะนำความก้าวหน้าอะไรมาให้กับประชาชน และนำมาด้วยวิธีใด
“การแถลงนโยบายเป็นเหมือน GPS (Government Policy Statement) แต่ที่ฟังดูไม่ต่างอะไรจากเอกสารที่มีออกมาก่อนหน้า เป็นแค่คำอธิษฐานลอย ๆ ไม่มีการใส่ตัวเลขหรือตัวชี้วัดที่สามารถวัดได้เลย หากพรรคการเมืองไหน ตระบัดสัตย์ ไม่ใส่นโยบายที่เคยหาเสียงไว้ในการแถลงนโยบาย จะถือว่าทรยศประชาชน”
นางสาวศิริกัญญา กล่าวต่อว่า ตนเองขอตัดเกรดคำแถลงนโยบายในครั้งนี้ให้อยู่ในเกรดเดียวกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเขาอาจดีกว่า เพราะว่ายาวกว่า จึงมองว่าพรรคเพื่อไทยมาตรฐานตก ไม่เหมือนยุคของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีเป้าหมายชัด ลงรายละเอียดที่เคยหาเสียงไว้ทั้งหมด และมีกรอบเวลาว่าใน 1 ปี 4 ปี จะทำอะไรบ้างการแถลงนโยบายที่ดีต้องมีตัวชี้วัด ที่ประชาชนสามารถประเมินได้ว่าประเทศบรรลุเป้าหมายนั้นแล้วหรือไม่
“อยากถามว่าคนเขียนนโยบายของพรรคเพื่อไทย ไม่ได้มาจากพรรคเดียวกัน หรือว่าลาออกไปแล้ว ทำไมครั้งนี้ถึงไม่ระบุเวลา ไม่มีรายละเอียดชัดเจน ไม่มีเป้าตัวชี้วัดที่วัดได้ ไม่มีกรอบเวลา”
นางสาวศิริกัญญา กล่าวต่อว่า เมื่อเทียบกับการแถลงนโยบายของนางสาวยิ่งลักษณ์ ที่ให้คะแนนเต็ม มีการพูดถึงโครงสร้างเศรษฐกิจที่สมดุลมากขึ้น เศรษฐกิจในประเทศเข้มแข็ง สังคมมีความปรองดองสมานฉันท์ สู่ AEC 2558 ส่วนของพลเอกประยุทธ์ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วในศตวรรษที่ 21 ส่วนของนายเศรษฐา ไม่มี เหมือนพูดอีกก็ถูกอีก และไม่มีประเทศไหนจะทำให้ประเทศแย่ลง
นางสาวศิริกัญญา ยังตัวอย่างนโยบายที่หาเสียงไว้ ของพรรรเพื่อไทย เช่นพักหนี้เกษตรกร 3 ปี ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท ทุกครัวเรือนมีรายไม่น้อยกว่า 20,000 บาท แต่ในการแถลงนโยบายกลับระบุเพียง พักหนี้ตามความเหมาะสม ค่าแรงขั้นต่ำ และ เงินเดือนที่เป็นธรรม ทุกครัวเรือนมีรายได้เพิ่มขึ้น ที่สำคัญไม่มี เรื่องของค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
นางสาวศิริกัญญา ระบุว่า ตอนนี้เราได้นายกฯ มาจากภาคเอกชน ก็หวังว่าจะนำแนวทางการบริหารภาคเอกชนมาใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นเลย อยากให้คิดว่าถ้าเป็นผู้บริหารใหม่ มาในการประชุม จะทำแบบนี้หรือไม่ เมื่อเปรียบเทียบกับตอนเป็นผู้บริหารบริษัทแสนสิริท่านมีกรอบเวลาชัดเจนกว่ามาก
นอกจากนี้ นางสาวศิริกัญญา ยังอภิปรายต่อว่า เรื่องของความขัดแย้งของ 3 จังหวัดชายแดนใต้ก็ไม่ได้พูดถึง การลดความเหลื่อมล้ำก็ไม่พูดถึง นโยบายไม่แตะเรื่องยาก ที่ต้องแก้ปัญหาที่ต้นตอ มองว่าตอนหาเสียงกล้าหาญกว่านี้
“รัฐบาลกลัว กลัวทำไม่ได้ หากไม่คิดว่าจะทำได้ ไม่ควรไปหลอกประชาชน และหาเสียงไว้แต่แรกและเป็นรัฐบาลนี้ผสมข้ามขั้ว นโยบายก็คนละขั้ว จึงหาข้อสรุปไม่ได้ เลยเขียนนโยบายแบบกว้าง ๆ เอาไว้ รวมถึงที่มาของอำนาจ ก็ต้องเกรงใจผู้มีอำนาจต่าง ๆ ด้วย”
นางสาวศิริกัญญา กล่าวต่อว่า นโยบายในกรอบระยะสั้น อยากสอบถามว่าภัยแล้ง เอลนีโญ ไม่ถือเป็นเรื่องเร่งด่วน หรือฝุ่น PM2.5 ในภาคเหนือ ปัญหาชายแดนใต้ ไม่ถือเป็นเรื่องด่วน ส่วนกรอบระยะกลาง ลดรายจ่าย ลดความเหลื่อมล้ำ หายไปไหนจากตอนหาเสียง
“เรื่องลดความเหลื่อมล้ำไม่มีอยู่ในการแถลงนโยบาย ในสมัยที่ท่านยังไม่ได้เข้าวงการการเมืองเต็มตัว เคยแสดงความเห็นเรื่องความเหลื่อมล้ำ การเก็บภาษีทรัพย์สิน ดิฉันก็ยังประทับใจถึงทุกวันนี้ แล้วทำไมตอนนี้ ถึงไม่มีแล้ว”
นางสาวศิริกัญญา กล่าวต่อว่า เรื่องโครงการเงินดิจิตอล วอลเล็ต แหล่งที่มารายได้สำคัญที่สุดในเวลานี้ เพราะต้องใช้เงินมหาศาล ไม่ว่าจะออกแบบการใช้เงินแบบไหน ก็จำเป็นต้องมีเงินสดมากองเต็มจำนวนว่า 1 บาทในโลกจริงจะเท่ากับ 1 บาทในโลกดิจิตอล ต้องหาเงินมากองให้เห็นในจำนวนเท่านี้ เพื่อความน่าเชื่อถือ
นางสาวศิริกัญญา ระบุว่า ในการแถลงนโยบายไม่มีที่มาของเงินว่าจะนำมาจากไหน ซึ่งตอนหาเสียงเคยบอกว่าอาจมาจากการตัดลดงบประมาณที่ซ้ำซ้อน ตอนนี้มีแค่ 2 ทางเลือก คือเงินงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งเมื่อดูแล้วหากมีการตัดงบอื่น ๆ ก็มีงบไม่เพียงพอ ส่วนเงินนอกงบประมาณ ไม่ว่าจะกู้จากธนาคารรัฐ ยืมเงินกองทุนหมุนเวียน ก็มีเงินสดไม่เพียงพอ ดังนั้น นายเศรษฐาพูดตลอดว่าต้องรักษาวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด แต่จะเริ่มต้นด้วยการทลายกรอบวินัยการเงินการคลังเลยหรือไม่
นางสาวศิริกัญญา ตั้งคำถามว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่สมควรทำในเวลานี้หรือไม่ หากวินิจฉัยโรคไม่ถูกคงรักษาไม่ตรงจุด ตอนนี้จึงไม่ใช่ปั๊มหัวใจ แต่คือการให้สเตียรอยด์กับประชาชน การออกนโยบายนี้คือธรรมชาติที่เห็นคนไม่เท่ากัน การที่ผู้มีอำนาจกดคนตัวเล็ก ในการแบกรับค่าใช่จ่าย การคิดนโยบายที่ผ่านมาเป็นการโยกกระเป๋าซ้ายกระเป๋าขวา แต่ไม่แก้ปัญหาที่ต้นตอ โลกเปลี่ยน ไทยเปลี่ยน หนี้สาธารณะสูงขึ้น เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นทั่วโลก จึงไม่สามารถแก้ไขแบบเดิมได้แล้ว
“ขอให้จัดลำดับความสำคัญ การบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ใช่การพนัน จะเทหมดหน้าตักแบบนั้นไม่ได้ ไปหวังเอาน้ำบ่อหน้าไม่ได้ ถึงเวลาตั้งใจฟังเสียงที่ไม่ได้ยิน”
นางสาวศิริกัญญา กล่าวทิ้งท้ายว่า ข้อดีของการแถลงนโยบายที่กว้าง ๆ แบบนี้ คือยังมีเวลาทำอะไรนอกเหนือจากที่พูดไว้ได้ โดยไม่ถือว่าผิดสัญญา แม้จะพลาดในครั้งนี้ แต่ยังมีโอกาสอีกครั้งคือการถกเรื่องงบประมาณที่กำลังจะมาถึง ที่จะเป็นคำสัญญาในระยะ 1 ปี ที่รัฐบาลจะส่งมองนโยบายใดบ้างที่จะเกิดขึ้น จึงเฝ้ารอโอกาสในครั้งหน้าแล้ว