‘โภคิน’ แนะแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา ตั้ง ส.ส.ร.ยกร่างทำประชามติเพียงครั้งเดียว

ไทยสร้างไทย ถกปมแก้ไขรัฐธรรมนูญ ชี้ ปล่อยเวลายืดเยื้อ รัฐธรรมนูญไม่ถูกแก้ไข แนะ แก้รายมาตรา ตั้ง ส.ส.ร.ยกร่างทำประชามติเพียงครั้งเดียว ด้านนักวิชาการอิสระ ลั่น รัฐธรรมนูญปี 60 ผีร้ายของการรัฐประหาร แนะ ภาคประชาชนผนึกพรรคการเมือง ส่งเสียงเพื่อสร้างฉันทามติว่ารัฐธรรมนูญจำเป็นต้องแก้ไข
พรรคไทยสร้างไทย จัดเสวนาเนื่องในโอกาสวัน รัฐธรรมนูญ เชิญนักวิชาการร่วมสนทนาภายใต้หัวข้อ “รัฐธรรมนูญที่พรรคการเมืองรณรงค์หาเสียงไว้จะได้กี่โมง” ถกปมปัญหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญในปัจจุบัน พร้อมสะท้อนถึงแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สำเร็จก่อนการเลือกตั้งปี 2570
ดร.โภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ พรรคไทยสร้างไทย มองว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 หากจะทำให้ประชามติผ่านได้ ต้องทำให้เร็ว สั้น กระชับที่สุด เพื่อให้กติกาทันการเลือกตั้งปี 2570 หากต้องทำประชามติหลายครั้งจะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญล่าช้า และไม่ทันการเลือกตั้ง จนรัฐบาลหมดวาระก็ยังไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สำเร็จ
ดร.โภคิน ชี้ให้เห็นว่า วิธีที่จะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปตามเจตจำนงค์ของประชาชน ไม่จำเป็นต้องแก้ไขทั้งฉบับ แต่ต้องดำเนินการแก้ไขตั้งแต่หมวด 3 เป็นต้นไปโดยเว้นการแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 วิธีดังกล่าวไม่จำเป็นต้องทำประชามติถึง 3 ครั้ง โดยจัดให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งเป็นผู้แก้ไข ซึ่งการทำประชามติจะทำเพียงหนึ่งครั้ง
นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ นักวิชาการอิสระ มองว่าประเทศไทยยังมีรัฐธรรมนูญที่ไม่ดี จึงเป็นต้นเหตุของกติกาที่เป็นปัญหา รัฐธรรมนูญปี 2560 คือผีร้ายของการรัฐประหาร ผลพวงของการรัฐประหารยังคงอยู่ในรัฐธรรมนูญ กติกาที่วางไว้ยังคงอยู่ ทำให้การเข้าสู่อำนาจของประชาชนไม่สามารถเข้าสู่อำนาจได้ คนมองสว. ปี 67 ก็เกิดการตั้งคำถามว่าเข้ามาได้อย่างไร เพราะไม่ได้แตกต่างไปจาก สว.ชุดเก่า สะท้อนถึงความสิ้นหวัง เพราะรัฐธรรมนูญปี 2560 ไม่สามารถทำให้ประชาชนสามารถเลือกผู้นำของตนเองได้อย่างเต็มที่
นายศิโรตม์ กล่าวว่า ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันส่งเสียง ให้เกิดการตื่นตัวขึ้นในภาคประชาชนจนนำไปสู่ ฉันทานุมัติที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันว่าต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นจริง เช่น การสร้างชุดความคิดที่ทำให้ประชาชนเห็นว่า หากไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประชาชนจะถูกควบคุมด้วยรัฐธรรมนูญปี 2560 รัฐธรรมนูญฉบับนี้ผู้ชนะการเลือกตั้งไม่ได้เป็นนายกฯ
นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย มองว่าเวลา 2 ปีครึ่งก่อนการเลือกตั้งปี 2570 สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ทัน แต่ผู้มีอำนาจไม่กระตือรือร้นที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สำเร็จตามที่ได้ประกาศหาเสียงกับประชาชนไปก่อนหน้าหรือไม่ จึงเป็นหน้าที่ของภาคประชาชนที่จะช่วยส่งเสียงกดดันเพื่อให้กติกาได้รับการเปลี่ยนแปลง
ที่ผ่านมามีเครือข่ายภาคประชาชนกว่า 30 เครือข่าย ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญไปแล้วกว่า 20 ฉบับแต่ไม่ผ่านกลไกของวุฒิสภา จากนี้ต้องมีปฏิบัติการทวงถาม โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่เคยรับปากอย่างไรไว้กับประชาชน และคงต้องเรียกร้องไปถึงพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคที่มีอำนาจมากที่สุด รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาลที่มีเสียงข้างมากในสภา หากมีความจริงใจแก้ไขรัฐธรรมนูญ เชื่อว่าจะสามารถแก้ไขได้ทัน แต่หากปล่อยปละละเลย ภาคประชาชนจะเดินหน้ากดดันต่อไป