‘มงคล’ เปิดใจทำหน้าที่ประธานวุฒิสภา ต้องวางอุเบกขา มองที่ประชุมคิดต่างงดงามเหมือนดอกไม้หลากสี

3 ประมุข สว.พบสื่อ ‘มงคล’ เปิดใจทำหน้าที่ประธานวุฒิสภา ต้องวางอุเบกขา มองที่ประชุมคิดต่างงดงามเหมือนดอกไม้หลากสี ส่วน ‘เกรียงไกร’ ยอมรับเหนือความคาดหมายได้นั่งบัลลังก์ ‘บุญส่ง’ ขอสื่อจับตานโยบายต่างชาติเช่าที่ดิน-กาสิโน
วันนี้ (10 ก.ย. 67) วุฒิสภาจัดกิจกรรม “วุฒิสภาพบสื่อมวลชน“ Meet the Press เป็นครั้งแรก เปิดให้สื่อมวลชนรับฟังทิศทางการทำงานของประธานวุฒิสภาและรองประธานวุฒิสภา รวมถึงการสนทนาแลกเปลี่ยนความเห็นระหว่างวุฒิสภากับสื่อมวลชน ณ ห้อง 102-104 ริมน้ำ อาคารวุฒิสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่รอประธานวุฒิสภาเดินเข้าห้องประชุม เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นกับสื่อมวลชน พบว่าบริเวณห้องจัดงานมีน้ำรั่วจากบริเวณฝ้าลงมา ทำให้ สว.ต้องย้ายเก้าอี้หนีน้ำรั่ว
นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา กล่าวเปิดใจว่า เมื่อทำหน้าที่ประธานในการประชุมวุฒิสภา ยิ่งฟังก็ยิ่งเหมือนเด็กนักเรียนเพราะหลายท่านพูดในสิ่งที่ตนเองไม่รู้ นั่งฟังไม่เคยเบื่อที่สมาชิกพูดเพราะปกติคนวัยนี้จะง่วง แต่ตนเองไม่ง่วงเลย การคิดต่างคือความงดงาม คือดอกไม้ที่หลากสี ต่างกันแต่ไม่แตกแยก
ดังนั้นคนที่เป็นประธานจะต้องมีอุเบกขาคือไม่โกรธ ไม่เกลียด รับได้ และต้องไม่หลงตนเอง เพราะถ้าหลงก็จะใช้อำนาจเหนือกว่า หากไม่จำเป็นจริง ๆ ตนเองก็จะไม่ติติงใคร นอกจากจะให้เกียรติกับทุกท่านแล้ว ตนเองพยายามเดินคุยตลอด ไม่นั่งคนเดียว หรือฟังแต่สิ่งที่ตนเองถูกใจ สิ่งที่ตนเองไม่รู้ยังมีอีกมาก การได้มาพบกับทุกคน ยิ่งกับสื่อมวลชน ที่ช่วยดูแลทำข่าว ยิ่งเป็นเรื่องที่ดี โดยศูนย์รวมคือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์คือ ความผาสุกของประชาชน มีอะไรก็ติติงได้ ตนเองยินดีน้อมรับ จะพยายามทำให้ดีที่สุด
ภารกิจของบ้านเมืองเป็นหลัก เรื่องส่วนตัวเมื่อทำหน้าที่แล้วต้องตัดออก จะต้องยอมสละเวลา ทุ่มเทเวลา เพราะมีคนอยู่สองวัยคือวัยหนึ่งเป็นวัย 40-50 ปี เป็นคนร่วมสมัยมีประสบการณ์สูง ตนเองถือเป็นวัยสุดท้ายที่ทำอะไรไม่ได้ ไม่มีข้อแก้ตัว ว่าสิ่งที่ผิดพลาดไปสิ่งที่จะต้องทำจะต้องทำอย่างสุจริต คือเป้าหมายที่สำคัญที่สุด
ด้านพลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 กล่าวถึงการทำหน้าที่รองประธานวุฒิสภาว่า จากการรับราชการของตนเองกว่า 30 ปี มาเป็นวุฒิสภา ตนเองไม่ได้ตั้งใจจะมาทำหน้าที่ดังกล่าว หวังเป็นเพียงวุฒิสภา เพื่อสร้างสันติสุขให้เกิดในจังหวัดชายแดนใต้ โดยไม่ต้องเป็น สส. แต่ก็เหนือความความหมาย ได้มาทำหน้าที่รองประธานวุฒิสภา ตามที่ประธานวุฒิสภามอบหมาย ทั้งการประสานงานกับ สว. กิจการวุฒิสภา และการพบปะผู้แทนองค์กรต่าง ๆ ด้วยความตั้งใจในการทำหน้าที่ สว. และได้รับความไว้วางใจให้มาทำหน้าที่รองประธานวุฒิสภาก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด อาจมีข้อบกพร่องบ้างเป็นธรรมดา
จากการทำหน้าที่รองประธานวุฒิสภา รับฟัง สว.อภิปรายก็ทำให้ทราบมุมมองใหม่ ๆ แม้ตนเองอยากจะอภิปรายบ้าง แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะจะต้องทำหน้าที่รองประธานวุฒิสภา ยืนยันว่าตนเองพร้อมรับฟังความเห็นที่หลากหลายของวุฒิสภา
ขณะที่นายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 กล่าวว่าตนเองชินแล้ว พอได้เห็นหน้าค่าตาสื่อมวลชนประจำ กกต. เจอคำถามหนัก ๆ มาตั้งแต่เป็น กกต. การให้สัมภาษณ์เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ตนมาเป็นรองประธานวุฒิสภา พวกเราต้องใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญ พ.ร.ป. ข้อบังคับเดียวกัน การทำหน้าที่บนบัลลังก์ต้องระมัดระวังด้วย มีหลายครั้งที่ตนเองอยากจะพูดว่าบนบัลลังก์แต่พูดไม่ได้
เรามือใหม่ด้วยกันทั้งหมด เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังนิดหนึ่งหรือแม้กระทั่งการรักษาเวลาในการพูดก็ต้องรักษา บางทีพูดจบแล้วหาทางลงไม่ได้บางทีการหารือก็ต้องเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนจริง ๆ ไปกำชับท่านมาก ท่านก็หาว่าตนเองเคร่งครัด ทำงานไปเรื่อย ๆ ก็คงสนิทไปเรื่อย ๆ ขอขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่ให้ความร่วมมือ”
สำหรับสื่อมวลชนคงไม่มีอะไรจะฝาก ตนเองฝากประเด็นให้ท่านขยายต่อเรื่องภารกิจด่วนของรัฐบาลเห็นว่าหลายประเด็นกระทบกระเทือนกับผลประโยชน์ของประเทศชาติ ประเด็นแรกการเปิดเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และการให้เช่าที่ดิน 99 ปี
นายบุญส่ง มองว่าเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัส เราคงจะพูดกันอีกยาว ในการแถลงการณ์นโยบายของรัฐบาลพวกเราควรจะถาม พวกเราควรจะชี้ให้เห็นว่ามันไม่ชอบอย่างไร วุฒิสภาเราไม่ควรเห็นด้วยกับการให้เช่าที่ดิน 99 ปี เราไม่ใช่เมืองขึ้น จะเอาแบบฮ่องกง มาเก๊า พวกเราไม่ใช่ จึงขอฝากสื่อตั้งเป็นคำถามไว้ตอบสังคมและประชาชน
ส่วนเป้าหมายในการขับเคลื่อนภารกิจด้านนิติบัญญัติ ตนเองมาตรงนี้ไม่ได้คิดว่าเป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์อะไร ไปสมัครก็คิดว่าจะไม่ได้เป็น เป็นแล้วก็ไม่ได้คิดว่าเป็นรองประธาน เพราะอยากรู้ว่าระบบเป็นอย่างไร ทำไมคนอีกหลายคนไม่รู้ว่าการเลือก สว.เป็นอย่างไร ตนเองไม่เห็นด้วยกับเงิน 2,500 บาท การใช้สิทธิเสรีภาพไม่ควรมีตรงนี้เข้ามา โดยเฉพาะระเบียบข้อบังคับของ กกต.หลายเรื่อง สุดท้ายชีวิตก็เป็นแบบนี้
“ทำอย่างไรให้ผลงานที่สุดเท่าที่ทำได้ ไม่เสียเวลากับการโต้เถียงในการประชุมกัน มีเรื่องขัดกันไปคาดกันมา ผมไม่สบายใจ มันทำให้ดีกว่านี้เยอะ ถ้าจะทำ อะไรที่สร้างสรรค์ได้ก็น่าจะทำ” นายบุญส่ง กล่าวทิ้งท้าย