รอง หน.ไทยศรีวิไลย์ ขอ ‘ชวน’ ให้ความเป็นธรรม ‘มงคลกิตติ์’
รอง หน.ไทยศรีวิไลย์ ขอ ‘ชวน’ ให้ความเป็นธรรม ‘มงคลกิตติ์’ ชี้แค่พูดเปรียบเปรย ไม่คิดทำร้ายทนายเดชา หวังเพียงหยุดข่มขู่แม่แตงโม
วันนี้ (10 มิ.ย. 65) ที่อาคารรัฐสภา นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร รับยื่นหนังสือจาก พล.ท. อัศวิน รัชฎานนท์ รองหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เพื่อร้องขอความเป็นธรรมต่อ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กรณีที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด กับพวก เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายชวน หลีกภัย เพื่อขอให้สอบจริยธรรมร้ายแรง นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กรณีโทรศัพท์ข่มขู่ว่าจะทำร้าย โดยเนื้อหาของการร้องเรียนมีใจความว่า “ส.ส. ไม่ชอบใช้วิธีการตามกฎหมาย แต่ใช้วิธีการนอกระบบ พร้อมขู่ว่าหากไม่หยุดพูดจะส่งไป 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แล้วจะไม่ได้กลับมา ซึ่งหมายความว่าต้องตายเพียงอย่างเดียว”
พล.ท. อัศวิน กล่าวว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวข้างต้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เป็นการตีความและขยายความเกินกว่าเหตุเพื่อต้องการที่จะให้ นายมงคลกิตติ์ เข้าข่ายเป็นผู้ประพฤติตนไม่เหมาะสม สืบเนื่องจากก่อนหน้าที่มีการพูดคุยในคลิปเสียงนี้ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ ทนายเดชา ได้มีการกล่าวพาดพิงถึงนายมงคลกิตติ์ ในเรื่องการตั้งคณะทำงานคดีของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม นิดา ว่าเป็นคณะตลกที่ตั้งมา 7-10 วัน ก็จะปิดคณะแล้ว อันเป็นการชี้นำให้ประชาชนที่ได้รับฟังเข้าใจว่าคณะทำงานดังกล่าวไม่น่าเชื่อถือ เป็นที่ตลกขบขันของประชาชน ซึ่งขณะนี้ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีไปแล้วที่สถานีตำรวจจังหวัดมหาสารคาม และนายเดชา ยังได้ชี้นำและข่มขู่ในสื่อต่าง ๆ ให้ นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน หรือ คุณแม่ของแตงโม นิดา เกิดความกลัวในเรื่องการถูกฟ้องกลับในคดีอาญาหากยังดำเนินคดีกับคู่กรณี ด้วยเหตุนี้ นายมงคลกิตติ์ จึงได้มีการพูดคุยให้นายเดชา หยุดการกระทำดังกล่าว
พล.ท. อัศวิน กล่าวต่อไปว่า หากพิจารณาจากคลิปเสียงการสนทนาระหว่างนายเดชา กับนายมงคลกิตติ์ จะทำให้ทราบถึงจุดประสงค์หรือความต้องการที่แท้จริงของนายมงคลกิตติ์ ว่าต้องการสื่อถึงนายเดชา ให้หยุดการข่มขู่ คุณแม่ของแตงโม ซึ่งการกระทำของนายมงคลกิตติ์ เป็นการกระทำเพื่อช่วยเหลือประชาชน ไมใช่การกระทำที่ไร้เหตุผล หรือไม่มีที่มาที่ไปของปัญหา ส่วนในเนื้อหาที่กล่าวว่าจะไปทำร้ายนั้นไม่ได้หมายถึงนายเดชา แต่เป็นการกล่าวเชิงเปรียบเปรยเท่านั้น ซึ่งการกล่าวดังกล่าวไม่เข้าข่ายการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 หรือ 392 แต่อย่างใด ทั้งนี้ ได้มีคำพิพากษาฎีกาตัดสินไว้ก่อนหน้าแล้วว่าการพูดนั้นให้มีการดำเนินคดีทางกฎหมายหากปรับเทียบเคียงกับ ฎีกาที่ 3527/2532 อันเป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องกับการข่มขู่ ก็จะไม่เข้าองค์ประกอบตามความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาแต่อย่างใด หากไม่มีความผิดทางอาญา
“ดังนั้น นายมงคลกิตติ์ จึงไม่ใช่ผู้ที่ประพฤติผิดทางจริยธรรมแต่อย่างใด ในฐานะรองหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ จึงขอความกรุณาจากนายชวน หลีกภัย พิจารณานำข้อเท็จจริง ที่มาของปัญหา และเหตุทั้งสองฝ่ายเปรียบเทียบกันและปรับเข้ากับข้อกฎหมายเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่นายมงคลกิตติ์ด้วย” พล.ท. อัศวิน กล่าว