‘ดร.ปิติพงศ์’ กร้าว ต้องคืนความ “เป็นธรรม” ให้ผู้เสียชีวิตจากเหตุสลายชุมนุม 10 เมษา 53

‘ดร.ปิติพงศ์’ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม กร้าว ต้องคืนความเป็นธรรมให้ผู้เสียชีวิตจากเหตุสลายชุมนุม 10 เมษายน 53 “คนสั่งต้องไม่ลอยหน้า คนฆ่าตัองไม่ลอยนวล”
วันนี้ (10 เม.ย. 65) ดร.ปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘ดร.ปิติพงศ์ เต็มเจริญ’ เนื่องในวันครบรอบ 12 ปีเหตุการณ์สลายการชุมนุม 10 เมษายน 2553 ความว่า
“สดุดีวีรชนคนเสื้อแดง คนสั่งต้องไม่ลอยหน้า คนฆ่าต้องไม่ลอยนวล ผู้มีส่วนกับการสังหารหมู่ประชาชนต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อรับโทษตามกฎหมาย !
วันนี้ 10 เมษายน เป็นวันครบรอบ 12 ปี ของเหตุการณ์ #เมษาทมิฬ หรือการสังหารหมู่ประชาชนคนเสื้อแดงที่ออกมาชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย เป็นการสังหารหมู่ที่เกิดขึ้นใจกลางเมืองหลวงของประเทศไทย ที่จนถึงวันนี้ยังไม่สามารถลงโทษผู้ที่กระทำความผิดฐานสั่งฆ่าประชาชน หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารหมู่ในครั้งนี้ได้แม้แต่คนเดียว
อีกทั้งคดีที่มีการกล่าวหาว่าผู้ชุมนุมเป็นชายชุดดำในคืนที่เกิดเหตุนั้น อันเป็นกระบวนการ IO เพื่อให้คนกรุงเทพเข้าใจผิดต่อกลุ่มผู้ชุมนุม และสร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้นในสังคม โดยโยนบาปให้ผู้ชุมนุมเป็นฝั่งใช้ความรุนแรง จนผู้ที่ถูกกล่าวหาหลายคนต้องถูกคุมขังนานหลายปี สุดท้ายศาลฎีกาได้มีคำสั่งยกฟ้องทุกคดี
แต่คดีฐานสั่งฆ่าประชาชนและมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารหมู่ในเหตุการณ์นี้ กลับไม่สามารถเอาผิดผู้มีอำนาจในเวลานั้นได้แม้แต่คนเดียว
นี่ไม่ใช่กระบวนการยุติธรรมที่เป็นธรรมกับผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ คนสั่งต้องไม่ลอยหน้า คนฆ่าต้องไม่ลอยนวล ต้องมีการนำตัวผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารหมู่ประชาชนในครั้งนี้มาลงโทษให้ได้ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างในอนาคต เพราะหากการสังหารหมู่ประชาชนครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษไม่สามารถเอาผิดใครได้ อาจเป็นต้นแบบให้เผด็จการรุ่นหลังเอาเป็นเยี่ยงอย่างได้
สำคัญที่สุดคือต้องมีการคืนความเป็นธรรมให้ผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ถึงแม้เขาเหล่านั้นจะไม่มีชีวิตอยู่แล้วก็ตาม แต่ความเป็นธรรมจะต้องเกิดขึ้น และความเป็นธรรมจะต้องดำรงอยู่ เพื่อคงความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายในบ้านเมืองนี้ไว้ต่อไป