POLITICS

‘ณัฐพงษ์‘ ยันไม่ลดเพดาน ม.112 แต่ต้องศึกษาคำวินิจฉัยศาลและปัญหาข้อกฎหมาย ไร้กังวลพรรคใหม่อายุสั้น

วันนี้ (9 ส.ค.67) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวน้าพรรคประชาชน นายศรายุทธ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และ นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ แถลงข่าวเปิดตัวพรรคประชาชน ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ยุบพรรคก้าวไกล ซึ่งตั้งเป้าหมายชนะการเลือกตั้งในปี 2570 พร้อมตั้งรัฐบาลพรรคเดียว

ช่วงหนึ่งนายณัฐพงษ์ ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนถึงกรณีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ไว้ว่าเราไม่เคยสื่อสารว่าจะลดเพดาน เราเสนอร่างแก้ไขกฎหมาย มาตรา 112 เพื่อไม่ให้มีการกลั่นแกล้งพรรคฝั่งตรงข้าม และคำวินิจฉัยศาลก็ไม่ได้สั่งห้ามแก้ไข แน่นอนว่าเราไม่ประมาท เราทำทุกอย่างรอบคอบ เราต้องศึกษาคำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญอย่างดี พร้อมกับเดินหน้าปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย โดยเฉพาะส่วนที่ยังมีปัญหาอยู่

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เราเซนเซอร์ปิดปากตนเอง เราเสนอบนหลักการ เราไม่ได้มุ่งเป้าเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบัน แต่เรายึดตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ยืนยันเดินหน้าทุกอย่างต่อ แต่เราต้องกลับมาศึกษาข้อกฎหมาย สิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปคือหลักการและความเชื่อ ทำให้อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน

ส่วนคดีของ 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกล ที่อยู่ระหว่างไต่สวนในชั้นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่างจากคดียุบพรรค เพราะต้องพิจารณาเป็นรายกรณี องค์ประกอบอาจต่างกันบ้าง บางคนอาจเรียกร้องแทนผู้ชุมนุม บางคนใช้สิทธิประกันตัว แต่ทุกคนได้ลงชื่อเสนอแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งแต่ละคนมีสิทธิชี้แจง แต่ส่วนตัวไม่มีข้อกังวล

ส่วนพรรคประชาชนอายุสั้นหรืออายุยืนไม่ได้อยู่ที่เรา อยู่ที่กลุ่มขั้วอำนาจเก่าใช้เครื่องมือในการทุบทำลายเรา เอาสิ่งเหล่านั้นมากดทับไม่ให้เราเดินหน้าต่อก็ไม่ได้ เพราะประชาชนอาจขาดศรัทธาในตัวเรา พร้อมยืนยันจะเดินหน้าต่อไปแต่ก็ไม่ประมาท ทำงานด้วยความสุขุมรอบคอบ ดังนั้นอายุยืนหรือไม่อยู่ที่พวกเขาด้วย และอยู่ที่ประชาชนสนับสนุน

ที่ผ่าเรามาเราไม่ได้พุ่งเป้าที่จะเสนอแก้ไขมาตรา 112 อย่างเดียว แต่เสนอแก้ไขเรื่องนโยบายอื่น ๆ ด้วย ขอสื่อสารไปยังประชาชนที่ยังไม่ได้โหวตเลือกเราในอดีต พรรคประชาชนในปัจจุบันไม่ได้พุ่งเป้าต่อสถาบันทางการเมือง เราตั้งใจเสนอนโยบายต่าง ๆ ในโครงสร้างสังคมไทยที่ยังมีปัญหา นี่คือวิธีสื่อสารตรงไปตรงมา ทำงานหนัก และจริงใจ เราคิดว่าจะได้รับเสียงสนับสนุนมากขึ้น

นายพริษฐ์ กล่าวในฐานะที่มีส่วนร่วมจัดทำนโยบายพรรคก้าวไกลมาตรา 112 เป็น 1 ใน 300 นโยบายที่เราเสนอไป ถ้าเราไปดูสิ่งที่พรรคก้าวไกลทำ เราพยายามแก้ไขทุกสิ่งที่เป็นปัญหาของประเทศ พรรคก้าวไกลเสนอร่างกฎหมายไป 60 กว่าฉบับ ทั้งเรื่องกระจายอำนาจ ยกระดับขนส่ง แก้ที่ดินทำกิน คุ้มครองสิทธิแรงงาน นี่คือสัญญาของพรรคที่พร้อมแก้ทุกปัญหาของประชาชน

ส่วนการลดเพดานลง จะรักษาอุดมการณ์เหมือนเดิมได้หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่าอะไรที่เราเคยมองว่าเป็นปัญหา เรายังมองว่าเป็นปัญหาอยู่ แต่เข้าใจว่าพื้นที่ที่หาทางออกนั้นแคบลงด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ศาลไม่ได้ห้ามแก้ไขมาตรา 112 ยังมีพื้นที่เหลืออยู่ อาจเป็นเรื่องการพิจารณาอัตราโทษ สิทธิร้องทุกข์กล่าวโทษ ดังนั้นพื้นที่ที่น่าจะเหมาะสมที่สุดในการพูดคุยหาทางออกคือสภาผู้แทนราษฎร และพูดคุยบนพื้นฐานทางออก ภายใต้กรอบของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ 2 ครั้งที่ผ่านมาคือ คำวินิจฉัยที่ 3/2567 และคำวินิจฉัยที่ 10/2567

ทั้งนี้การตั้งกรรมการบริหารพรรคแค่ 5 คน ไม่ได้หลบเลี่ยงอันตราย แต่เป็นข้อกำหนดขั้นต่ำทางกฎหมาย เราต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างไร้รอยต่อ จากพรรคก้าวไกลสู่พรรคประชาชน เราต้องการหาสมาชิก 1 แสนคน และเงินบริจาค 10 ล้านภายใน 1 เดือน พวกเรายังเปิดกว้าง หารือในพรรคว่า การออกแบบโครงสร้างพรรค จะมีกรรมการบริหารพรรคสัดส่วนมากขึ้นหรือไม่ ยังหารือในพรรคได้ต่อ อาจได้ข้อสรุปปลายเดือนหน้า จะมีการประชุมใหญ่อีกครั้ง

ด้านนางสาวศิริกัญญา ตอบคำถามถึงการถูกสกัดไม่ให้นั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรค เพื่อไม่ให้ไหมปะทะกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยระบุว่าเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในสมการ เราโฟกัสที่การเลือกตั้งครั้งต่อไป ตนเองมีภารกิจทำงาน ลงลึกพัฒนานโยบายเพื่อสร้างมาตรฐานพรรคประชาชน พร้อมเป็นมือไม้ซัพพอร์ตหัวหน้าพรรคคนถัดไป

นายศรายุทธ เปิดใจเป็นครั้งแรกว่าการเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลา เราตระหนักเรื่องนี้ดีตั้งแต่การตั้งพรรคอนาคตใหม่ ดังนั้นการใช้เวลาจำเป็นที่ต้องใช้คนจำนวนมากเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงร่วมกัน จึงเป็นที่มาว่าทำไมเราต้องสร้างพรรคให้กลายเป็นสถาบัน ที่ผ่านมาตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่มาจนถึงพรรคก้าวไกล เรามีโครงสร้างที่มาจากสมาชิกพรรค และมีโครงสร้างที่เป็นตัวแทนสมาชิกพรรคที่ผ่านงานเครือข่าย

แม้วันนี้เรามาอยู่ในพรรคใหม่ แต่เรายังคาดหวังการเติบโตของสมาชิกพรรคในอนาคตว่าเราจะมีโครงสร้างตัวแทนสมาชิกพรรคที่ทำงานการเมืองท้องถิ่น และคาดหวังว่าจะมีสมาชิกพรรคที่ไปเป็นรัฐบาลทำหน้าที่บริหารประเทศ ฉะนั้นหน้าที่ของตนเองคือการบริหารจัดการที่จะทำให้ทุกภาคส่วนให้ทำงานประสานสอดคล้องกันเพื่อเป้าหมายที่เราอยากสร้างสรรค์หรือเปลี่ยนแปลงประเทศนี้

ในช่วงท้ายนายศรายุทธ กล่าวด้วยเสียงสะอื้นพร้อมน้ำตาคลอว่า ”หากเราทำสำเร็จ เราจะมั่นใจว่าเรามีพรรคทำงานเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในอนาคต แม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้วก็ตาม“

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat