นายกฯ ปาฐกถาพิเศษ “บทบาทของผู้นำในอนาคต ในการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ” ในหลักสูตร วปอ. จูเนียร์

นายกฯ ปาฐกถาพิเศษ “บทบาทของผู้นำในอนาคต ในการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ” ในหลักสูตร วปอ. จูเนียร์ เชื่อ หลายคนมาเพราะคอนเนคชั่น แต่ไม่ใช่เรื่องผิด แนะ อย่าใช้เบียดเบียนผู้อื่น ยันไทยเป็นกลางในความขัดแย้งโลก เปรียบ แลนด์บริดจ์ เหมือน ‘กริพเพน - ฟริเกต’ เป็นอาวุธทางเศรษฐกิจ หากถูกรุกรานส่งผลกระทบประเทศนั้นทันที
วันนี้ (9 เม.ย. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน พิธีเปิดการฝึกอบรมหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร สำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต หรือ วปอ.บอ.รุ่นที่ 1 และกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “บทบาทของผู้นำในอนาคต ในการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ” ว่า วปอ. ชื่อหลักสูตร บอกชัดเจนอยู่แล้ว ว่าเป็นหลักสูตรที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และเป็นส่วนหนึ่งที่จะนำพาประเทศไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองได้ในอนาคต รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ 1 ซึ่งเข้าใจว่ามีหลายคนอยากมาเรียนกันเยอะ เนื่องจากเป็นคอร์สที่มีความต้องการที่จะเข้ามาเรียนอย่างสูง เชื่อว่าทุกท่านได้รับการคัดเลือกมาด้วยความเหมาะสม มีการอบรมเป็นอย่างดี และไหน ๆ ก็มาแล้ว ก็อย่าขาดเรียน เข้ามาก็เข้ายาก และขอให้เรียน ตนเองมั่นใจว่าหลักสูตรสถาบันนี้ ให้ความรู้แน่นอน ซึ่งนอกจากความรู้แล้ว เรื่องของคอนเนคชั่น หรือเรื่องเครือข่ายในการทำงานร่วมกัน เป็นเรื่องที่สำคัญ เชื่อว่าหลาย ๆ ท่านมาในที่นี้ เพราะเหตุผลนี้ ถามว่าผิดไหม ไม่ผิด แต่คอนเนคชั่น ต่าง ๆ เหล่านี้ต้องใช้ให้เป็นประโยชน์แก่ตัวเอง และผู้อื่น โดยไม่ไปเบียดเบียน หรือไปทำให้เกิดความไม่เหมาะสม
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า สังคมของเราในช่วงนี้มีความเหลื่อมล้ำกันสูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่มีการแพร่ระบาดโควิด - 19 เกิดขึ้น คนรวย รวยขึ้น คนจน ก็จนลง จึงต้องพูดอย่างตรงไปตรงมาที่สุด เรื่องนี้เป็นเรื่องที่บั่นทอนความมั่นคงของประเทศพอสมควร พวกเราทุกคนที่อยู่ในที่นี้ ตนเองเชื่อว่าเป็นอนาคตของชาติ และจะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องที่พวกเราทุกคนควรตระหนักดีถึงเรื่องนี้ เพราะฉะนั้น เรื่องของเราที่จะต้องมีความพยายามในการลดความเหลื่อมล้ำลงมา ถือว่าเป็นหน้าที่ของทุกคน วันนี้ตำแหน่งหน้าที่การงานอาจจะไม่ใหญ่โตมากมาย การประพฤติตัวตรงนี้ ก็จะเป็นที่จับตามองของสาธารณชนค่อนข้างมาก มีการใช้โซเชียลมีเดียต่าง ๆ นานา ซึ่งเป็นตัวที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในสังคม เรามาอยู่ในที่นี้ มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ มีองค์กรอิสระ มีนักธุรกิจ มีนักการเมือง เป็นการผสมผสานอย่างลงตัว
นายกรัฐมนตรี ระบุต่อว่า สถาบันก็ได้คิดมาดีแล้ว เพราะฉะนั้น เรื่องเหล่านี้เราจะให้ความสำคัญในเรื่องของการใช้โซเชียลมีเดีย ขอย้ำอีกครั้งว่า อะไรที่เป็นการทำให้คนรู้สึก หรือไม่มีโอกาสได้เข้ามาตรงนี้ เวลาจะทำอะไรขอให้คิด พวกท่านเป็นที่จับตามองทุกคน รายชื่อก็มีการประกาศชัดเจนว่าใครอยู่ในคอร์สนี้บ้าง ชื่อคอร์สก็บอกอยู่แล้ว Future Leaders ผู้บริหารแห่งอนาคต จึงมองว่าเป็นเรื่องสำคัญของอนาคตของพวกท่านทุกคน ส่งต่อไปสู่อนาคตของประเทศชาติ
นายเศรษฐา กล่าวว่า วันนี้หากพูดถึงเรื่องความมั่นคง เรื่องที่เราให้ความสำคัญมากที่สุด คือความมั่นคงของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ปัจจุบันที่ประเทศเมียนมา ซึ่งก็เป็นประเด็นที่ร้อนแรง ในช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา ประเทศไทยเรายืนยันว่าเรามีจุดยืนที่เป็นกลาง เราช่วยเหลือมนุษยชน และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เราไม่ก้าวก่ายในกิจการภายในของแต่ละประเทศ ซึ่งประเทศไทยมีชายแดนติดกับเมียนมาประมาณ 2,000 กิโลเมตร เพราะฉะนั้น ถือเป็นมีพื้นที่ที่ติดกันจำนวนมาก การเข้าออกได้ทุกทาง สามารถเปลี่ยนไปได้อย่างง่ายดาย ซึ่งประเทศที่จะมีส่วนได้เสียกับประเทศเมียนมา หากมีความเป็นหนึ่งเดียว และสามารถพัฒนาได้ ประเทศที่จะได้ประโยชน์สูงสุดก็คือประเทศไทย ในทางกลับกัน หากเขาอยู่ไม่ได้ เราก็จะเดือดร้อน ซึ่งจุดยืนของเราชัดเจน ตามนโยบายที่ทางอาเซียนให้เรามา
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ความมั่นคงของประเทศมีหลายมิติ ทางเศรษฐกิจก็มีส่วนที่ทำให้เรามีความมั่นคง ด้านการรักษาดินแดน หรือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ วันนี้ไม่ได้มาโฆษณาโครงการของรัฐแต่อย่างใด เรามีโครงการแลนด์บริดจ์ ที่จะช่วยเชื่อมระหว่างทะเลอันดามัน และอ่าวไทย โดยช่องแคบมะละกาที่สิงคโปร์ มีความแออัดค่อนข้างมากเป็น 60% ของทั่วโลก ก่อให้เกิดการล่าช้า และเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ซึ่งเรื่องแลนด์บริดจ์ ก็ต้องพูดถึงเรื่องคอคอดกระ เราพูดมาหลายสิบปี หลาย ๆ ท่านพูดว่า ทำไม่ได้เนื่องจากเรื่องความมั่นคง แต่แลนด์บริดจ์ ไม่ใช่การแบ่งแยกดินแดน เป็นการลงทุน มั่นใจว่าผลตอบแทนทางด้านการเงินจะเหมาะสม และระยะเวลาที่เราจะเปลี่ยนได้ในการขนถ่ายสินค้า
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันต้องยอมรับว่ามีคู่กรณีหลาย ๆ คู่ในเรื่องที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งชัดเจนที่สุดก็คือฮามาส อิสราเอล แม้ว่าจะอยู่ไกลจากเรามาก แต่ประชาชนคนไทยก็ได้รับผลกระทบมากพอสมควร ผู้เสียชีวิต 40 กว่าราย และได้ถูกจับ 8 ราย แม้ว่าเราจะไม่ใช่คู่ขัดแย้ง แต่เราก็ส่งแรงงานไปในภาคเกษตรกรรม ก็ยังโดนหางเลขไปด้วย ขณะที่ความขัดแย้งในการค้าจีน – สหรัฐ ก็มีความรุนแรงเกิดขึ้นมาก ส่วนเรื่องทะเลจีนใต้ระหว่างไต้หวัน จีน ฟิลิปปินส์ สหรัฐ มีคู่กรณีหลายคู่เต็มไปหมด จึงอยากฝากข้อคิดว่า ประเทศไทยมีจุดยืนเป็นกลาง เราจะมีการสร้างแลนด์บริดจ์ขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นการร่วมทุนระหว่างเอกชนรัฐบาล
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลเรายืนยันว่าคนที่จะ Control access ทั้งหมด ต้องเป็นรัฐบาลไทย การเปลี่ยนแปลง คิดว่าจะส่งผลหลายอย่าง โดยบอกว่าประเด็นความขัดแย้งทางเศรษฐกิจ จะทำให้ทุกคนต้องการเส้นทางนี้ ในการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศเขา เพราะฉะนั้น มั่นใจว่าประเทศไทยจะเป็นสวิตเซอร์แลนด์ของโลก แลนด์บริดจ์จะเป็นอาวุธที่สำคัญเท่ากับเรือฟริเกต เครื่องบินกริพเพน ทำให้ประเทศไทยมีศักยภาพที่ดีขึ้น ใครก็ตามที่รุกรานเรา ก็จะคิดเสมอว่าเส้นทางนี้เป็นเส้นทางเศรษฐกิจที่สำคัญ หากถูกรุกรานเมื่อไหร่ ก็จะได้รับความเดือดร้อน พร้อมย้ำว่า แลนด์บริดจ์จะต้องได้รับการลงทุนที่เหมาะสม และต้องนำมาซึ่งความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
“เป็นหน้าที่ของทุกคน ที่ต้องช่วยเหลือคนที่อยู่ฐานรากของสังคม ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่ปรารถนาเลยว่า 40% ของประชาชนคนไทย ซึ่งอยู่ในภาคเกษตรกรรม อาจจะเรียกว่าอยู่ในกลุ่มเปราะบาง จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องดูแลให้ดี” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องเกณฑ์ทหารแบบสมัครใจในรัฐบาลนี้ ว่า จะต้องค่อย ๆ ทำด้วยการเปลี่ยนผ่าน เพราะสังคมไทยไม่ชอบอะไรที่เป็นอย่างนี้ ลำบาก ตนเองเชื่อว่าสถาบันทหารเองก็ต้องการบุคลากรที่มีคุณภาพ ที่ต้องเข้าไปอยู่ในองค์กร ทำให้สถาบันทหารแข็งแกร่งขึ้น แต่แน่นอนว่าจิตวิญญาณของพวกเราทุกคน คนสมัยใหม่ ต้องการทางเลือก ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญ ซึ่งก็ต้องมาด้วยกฎระเบียบที่ต้องค่อย ๆ ผ่อนคลายกันไป วันนี้ก็เริ่มเห็นผลแล้ว ไม่ว่าจะเป็นมาตรการที่รับสมัครทหารมากขึ้น และลดปริมาณการเกณฑ์ทหารลง พร้อมกับมองว่า สายการแพทย์ของทหาร หากจะรับบุคลากรทางการแพทย์ทหารมากขึ้นแล้วผิดตรงไหน ก็เขาสมัครใจอยากจะมาเป็น อย่าเอาทฤษฎี One site fit all มาใช้กับทุกบริบทของประเทศ ซึ่งกำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในหลายมิติ อะไรที่เหมาะสมอะไรที่สมควร เชื่อว่าต้องคงไว้ หรือเพิ่มมากขึ้นได้ ส่วนการที่จะทำให้คนมีทางเลือกเพิ่มมากขึ้นก็ถือว่าสำคัญ หลาย ๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิทธิเสรีภาพในการเลือกเพศสภาพ หรือการเลือกประกอบอาชีพ ซึ่งส่งผลให้กับอนาคตของชาติ 2 ปีที่ผ่านมามีปรากฏการณ์ที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้นคือประชากรของประเทศไทยลดน้อยลง เชื่อว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลนี้ และรัฐบาลต่อ ๆ ไป ที่จะโน้มน้าวให้ประชาชนมีลูกมากยิ่งขึ้น แต่ไม่ใช่เพียงว่ารณรงค์ให้มีลูกเพิ่มมากขึ้น แต่ไม่แก้โครงสร้างพื้น ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลมีความสำคัญ
“หลังจากที่พวกท่านจบคอร์สในเดือนกันยายนนี้แล้ว จะมีการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง อาจจะมีโครงการแต่ละคน หากสามารถช่วยคนที่อยู่ฐานรากของสังคมได้ ก็ขอให้ช่วยอย่างจริงจังใครมีเส้นสายในแง่ของช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า ให้กับเกษตรกรในพื้นที่ที่ลงไป ก็อยากให้ลงมาช่วยพิจารณาช่วยเหลือกันใช้เครือข่ายที่ตัวเองมีอยู่ช่วยเหลือประชาชน คิดว่าสังคมไทยจะมั่นคงยิ่งขึ้น โดยมีฐานรากของเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง คิดว่าระยะเวลาการอบรม 6 เดือนนี้ จะเป็นมิตรภาพที่แน่นแฟ้น และมีส่วนพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต“ นายกรัฐมนตรี กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับบุคคลที่มีชื่อเสียงร่วมหลักสูตรนี้ อาทิ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายชัยชนะ เดชเดโช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์, นางสาวรัดเกล้า สุวรรณคีรี รองโฆษกรัฐบาล และนางสาวสุภานัน นิราษิท ภรรยาของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย