ชาวน้ำก่ำ จ.นครพนม ร้องสอบเรือดูดทรายแม่น้ำโขง ดูดนอกเขตสัมปทานติดฝั่งไทย
วันนี้ (9 เม.ย. 65) นายภิศักดิ์สัน เสโนฤทธิ์ ที่ปรึกษานายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลน้ำก่ำ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พร้อมตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่ นำสื่อมวลชนตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีพบผู้ประกอบการดูดทรายในแม่น้ำโขงบางราย ฉวยโอกาสแสวงผลประโยชน์จากการนำทรัพยากรธรรมชาติ หิน กรวด ทรายในลำน้ำโขงไปขาย สร้างรายได้ปีละหลายล้านบาท
ชาวบ้านบอกว่า ผู้ประกอบกิจการบางรายไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อตกลงเกี่ยวกับกฎหมายดูแลควบคุมผู้ประกอบการท่าทราย ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ สร้างความเสียหายแก่รัฐ ซึ่งที่ผ่านมา เทศบาลตำบลน้ำก่ำเคยทำหนังสือร้องเรียนไปยังหน่วยงานเกี่ยวข้อง ทั้งระดับจังหวัด กรมเจ้าท่า ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กระทรวงมหาดไทย รวมถึงแม่ทัพภาค 2 ให้ตรวจสอบแก้ไข แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า
สำหรับพื้นที่เขต อ.ธาตุพนม เป็นพื้นที่การขออนุญาตดูดทรายแบบสัมปทาน นำเข้าจากสปป.ลาว ซึ่งตามกฎหมาย มีการกำหนดพื้นที่แนวเขตของจุดที่สามารถดูดทรายได้ไว้อย่างชัดเจน แต่จากการตรวจสอบพบว่า บางรายฉวยโอกาสดูดทรายใกล้ริมเขื่อนฝั่งไทย เพื่อลดต้นทุนการขนส่ง ชาวบ้านจึงอยากให้มีการตรวจสอบปริมาณการนำเข้าว่า เสียภาษีแก่รัฐถูกต้องหรือไม่
นายภิศักดิ์สันให้ข้อมูลว่า มีผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการประมาณ 7 ราย เป็นการขออนุญาตแบบสัมปทานนำเข้า มีกฎหมายรองรับ คือ จะต้องได้รับสัมปทานจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านและมีแนวเขตชัดเจนในการนำเรือไปดูดทรายในลำน้ำโขง แต่ไม่สามารถที่จะเข้ามาดูดทรายใกล้เขื่อนป้องกันตลิ่งของฝั่งไทยได้ แต่ปัจจุบันตนและชาวบ้านตรวจสอบพบว่า ผู้ประกอบการเรือดูดทรายบางรายฉวยโอกาสดูดใกล้ฝั่งไทย เพราะไม่มีแนวเขตชัดเจน ไม่มีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบดูแลตลอดเวลา และยังพบว่า ในขั้นตอนการบรรทุกขนส่งหิน ทราย ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านด้วย เพราะบรรทุกน้ำหนักเกิน ไม่คลุมผ้าใบ สร้างมลพิษ และทำลายถนนในชุมชน
