‘เรืองไกร’ ยื่น ‘สว.’ ตรวจสอบคุณสมบัติ ‘เศรษฐา’

‘เรืองไกร’ ยื่นคำร้องถึง ‘สว.’ ตรวจสอบคุณสมบัติ ‘เศรษฐา’ ตรงตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ ก่อนเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ครั้งต่อไป
วันนี้ (7 ส.ค. 66) ที่อาคารรัฐสภา นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวภายหลังเข้ายื่นหนังสือต่อ นายดิเรกฤกษ์ เจนครองธรรม รองกรรมาธิการ (กมธ.) พัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา (สว.) ว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งใดๆ ในกรณีการเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรีซ้ำ ว่าเป็นญัตติหรือไม่ แล้ว การเสนอชื่อเพื่อโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไปคงจะเป็นชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย และตนเองเห็นวาระการประชุมของ สว. ที่มีวาระเกี่ยวกับนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ตนเองจึงเห็นว่า เป็นโอกาสเหมาะที่จะนำข้อมูลที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ได้กล่าวอ้างนายเศรษฐาว่า อาจมีลักษณะไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 160 (4) คือมีความสุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือไม่ ในกรณีการซื้อที่ดินตามที่ปรากฏตามข่าว
ทั้งนี้ ตนเห็นว่าหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่โดยตรงคือ กมธ.แต่เนื่องจากในส่วนของ สส. ยังไม่มี จึงมายื่นต่อ กมธ. สว. ให้ทำหน้าที่แทน ซึ่งข้อเท็จจริงที่ต้องเสาะหาตามอำนาจของ กมธ. คือหากว่าที่นายกรัฐมนตรีมีข้อกล่าวอ้างเช่นนี้ ควรจะตรวจสอบอย่างไรบ้าง หรือ 1.ขอเอกสารจากนายชูวิทย์ 2.ขอเอกสารจากบริษัทแสนสิริ ที่เกี่ยวกับการซื้อขายที่ดินแปลงนี้ทั้งหมด 3.เชิญเจ้าหน้าที่กรมที่ดินที่รับจดนิติกรรม และเชิญอธิบดีกรมสรรพากรมาให้ความเห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นการวางแผนภาษี หลบเลี่ยงภาษี หรือเป็นการหนีภาษีหรือไม่ ขณะเดียวกัน ต้องเชิญทางผู้ขายด้วย ต้องฟังความให้ครบหมด และได้ข้อมูลครบถ้วนรอบด้าน ในเวลาที่เหลืออีก 10 กว่าวัน
ด้านนายดิเรกฤกธิ์ กล่าวว่า กรณีนี้ตนจะนำไปเสนอต่อกมธ.พัฒนาการเมืองฯ กมธ.คณะอื่นๆ สว. และที่ประชุมรัฐสภาต่อไป นายดิเรกฤกธิ์ ย้ำว่า สว.มีหน้าที่โดยตรงที่จะใช้วิจารณญาณในการร่วมเลือกนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ซึ่งในบรรทัดฐานของการทำหน้าที่คัดเลือกผู้นำองค์กรคนสำคัญ ทั้งศาล และองค์กรอิสระ รวมทั้งนายกรัฐมนตรี เราคำนึงถึงจริยธรรม ความประพฤติ ความซื่อสัตย์สุจริต ประกอบกับคุณสมบัติต่างๆ ที่ปรากฏไว้ในรัฐธรรมนูญด้วย โดยจะรวบรวมข้อเท็จจริง และเชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล เพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป