’ชูวิทย์‘ เข้าอวยพรวันเกิด ’สนธิ‘ พร้อมสวมกอดเคลียร์ใจ
ด้าน ‘สนธิ’ อวยพรให้สุขภาพดีขึ้น ยัน ลืมความขัดแย้งในอดีตไปแล้ว มีแต่ความห่วงใย
วันนี้ (6 พ.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เดินทางเข้าอวยพรวันเกิดนายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่บ้านพระอาทิตย์ เพื่ออวยพรวันคล้ายวันเกิด 7 พ.ย. 2567 พร้อมเคลียร์ใจในกรณีที่เกิดข้อขัดแย้งในอดีต โดยเมื่อนายชูวิทย์เดินทางมาถึง ได้นำพวงมาลัยมาไหว้ และสวมกอดกับนายสนธิ ก่อนที่ทั้งคู่จะประคองเข้าไปพูดคุยกันภายในบ้านพระอาทิตย์
นายสนธิ เปิดเผยว่า นายชูวิทย์มีคุณูปการต่อประเทศชาติมาก ได้ทำอะไรมากมายโดยเอาชีวิตตัวเองเข้าไปเสี่ยง และมีประโยชน์ต่อประเทศชาติบ้านเมืองมาก ซึ่งพูดด้วยความสัตย์จริง ตนเองลืมเรื่องความขัดแย้งระหว่างตนกับนายชูวิทย์ไปแล้ว จะมาขอให้อภัยก็คงไม่ได้ เพราะตนเองลืมไปแล้ว และเป็นห่วงนายชูวิทย์อยู่ตลอดเวลา และถามไถ่อยู่เสมอ ซึ่งความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเกิดจากการสวมหมวกกันคนละใบ เป็นหน้าที่ของแต่ละคนที่ต้องทำไป แต่ไม่ได้โกรธเคืองถึงขนาดจะฆ่าให้ตาย
อีกทั้ง ตนเห็นนายชูวิทย์ พูดผ่านนายสันธนะ ประยูรรัตน์ ว่าคิดถึงตน และทราบว่านายชูวิทย์จะเข้ามาขอโทษตน แต่ตนก็พูดว่า “ไม่ต้องมาขอโทษกู มาให้กูกอด เพราะมันเป็นน้องกู” และรักเขาเหมือนน้องจริงๆ และให้กำลังใจมาตลอด วันนี้จึงเป็นวันที่พี่ และน้องกลับมาคืนดีกัน มาเจอกัน และก็ดีใจ ซึ่งเชื่อว่าประชาชนทั้งประเทศที่เห็นข่าวนี้ มากำหนดจิตกำหนดใจขอให้นายชูวิทย์หายจากโรคนี้ และที่ได้กอดนายชูวิทย์ ก็บอกทำใจสงบ กุศลผลบุญที่ตนทำมาขอมอบให้นายชูวิทย์ ให้อาการดีขึ้น อะไรที่เคยล่วงเกินในชีวิตไปก็ขอโทษด้วย และนายชูวิทย์ขอให้ตนทำงานช่วยเหลือสังคม และเป็นสิ่งที่ตนต้องทำอยู่แล้วคือการขับไล่คนชั่วไม่ให้มีที่ยืนในสังคม เป็นคนที่พวกเราก็รู้ว่าใคร
ด้านนายชูวิทย์ กล่าวว่า ตนมาให้กำลังใจ และกราบขอโทษ ต่างคนต่างทำหน้าที่ ตนในฐานะรุ่นน้องทั้งวัยวุฒิ และคุณวุฒิ รวมถึงเป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา โดยวันนี้ในฐานะที่เป็นวันเกิดของนายสนธิ และทำประโยชน์ให้กับสังคมไทยมากมายยากที่ใครจะทำ ตนที่อยู่ในช่วงปลายก็มาอวยพร และให้กำลังใจนายสนธิ สิ่งใดที่ตนล่วงเกินหรือพูดพลั้งไปด้วยกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ก็ขอให้นายสนธิให้อภัยน้อง เพราะตนเองไม่ได้มีเจตนา
นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคราวนั้น เกิดจากความเห็นที่ไม่ตรงกัน แต่ก็เป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์กับสาธารณะทั้งนั้น ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ดีของนายสนธิ ตนจึงมาอวยพรให้เห็นว่า นายสนธิมีน้ำใจที่จะให้อภัยตน ซึ่งตนเองในฐานะน้องก็ยอมรับว่า เป็นน้ำใจของพี่ แต่ก็มีบางคนที่ไม่ควรให้อภัย ซึ่งต้องไปถามนายสนธิ เพราะนายสนธิทำหน้าที่ปราบมารอยู่ และบางคนกรรมมีมากแต่กำเนิดและไม่มีทางหลีกหนี ตนก็หวังว่านายสนธิจะทำหน้าที่รับใช้สังคมเหมือนที่เคยทำมา
นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า ตนก็ถือว่าจะได้พักผ่อน อยู่ในช่วงปลายกับครอบครัว และไม่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ต่างๆ เพราะการมาครั้งนี้ คือการมาเคลียร์คดีต่างๆ ว่าตนไม่ได้หนี แต่ป่วย ศาลก็เมตตา