รมว.อุตสาหกรรมประเดิมเข้ากระทรวงวันแรก
หารือข้าราชการประจำกระทรวง ปักธง Quick wins ดันอุตฯ ใหม่ ส่งเสริมเอสเอ็มอี เสริมแกร่งเศรษฐกิจฐานราก-ยั่งยืน ใน 3 เดือน
วันนี้ (7 ก.ย. 66) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ถือฤกษ์ 07.49 น. ได้เข้าสักการะองค์พระนารายณ์ พระภูมิ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และกราบพระพุทธรูปที่ประดิษฐานประจำกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อเป็นสิริมงคลเนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ โดยมี นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นำคณะผู้บริหาร ข้าราชการมารอต้อนรับ พร้อมประชุมร่วมกัน
ขณะเดียวกัน บรรดา แกนนำ และสส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ต่างมาร่วมให้กำลังใจกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมด้วย อาทิ นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู นายวิทยา แก้วภารดัย สส.บัญชีรายชื่อ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์เลขาธิการพรรค นายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.ชุมพร เขต 1
ทั้งนี้ ภายหลังพบปะผู้บริหารของกระทรวง เพื่อรับฟังนโยบายแล้ว นางสาวพิมพ์ภัทรา ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าภายหลังได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เตรียมความพร้อมเพื่อเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนตามแผนยุทธศาสตร์ของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเร่งขับเคลื่อนให้ภาคอุตสาหกรรมเป็นกลไกหลักในการยกระดับเศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ซึ่งได้ประชุมกับปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และข้าราชการในกระทรวง เพื่อหารือแนวทางร่วมกันสำหรับการวางนโยบายต่อไป
ในระยะเริ่มต้นเร่งด่วน 3 เดือนแรก มีนโยบายที่สามารถทำได้ทันที ทั้งนี้ ได้กำชับให้หน่วยงานภายในกระทรวงเร่งหาแนวทางเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมใหม่ที่มีศักยภาพ ให้เป็นฟันเฟืองเศรษฐกิจใหม่สำหรับกระตุ้นรายได้มวลรวมของประเทศ ผ่านอุตสาหกรรมเป้าหมาย ประกอบด้วย อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ อุตสาหกรรมชีวภาพ และอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ อุตสาหกรรมฮาลาล และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ด้วยการสนับสนุนระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาค ด้วยการยกระดับทักษะแรงงานขั้นสูง สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน พร้อมพิจารณาหามาตรการเพื่อส่งเสริมการผลิตและการใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างแพร่หลายภายในประเทศ มาตรการทางภาษี และการขยายจุดให้บริการชาร์จแบตเตอรี่สำหรับประชาชน
ขณะการส่งเสริมศักยภาพและสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ให้สามารถเข้าถึงโอกาสในการแข่งขัน โดยได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทีมเข้าสำรวจความต้องการของผู้ประกอบการ เพื่อรวบรวมจัดทำเป็นแผนนโยบายในลำดับต่อไป ทั้งนี้ยังให้ความสำคัญกับการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็ง ด้วยการสนับสนุนให้ประชาชนมีอาชีพมั่นคงจากต้นทุนในชุมชน ทั้งต้นทุนทางวัฒนธรรมและวัตถุดิบในท้องที่
พร้อมการพัฒนาทักษะอาชีพเสริม เพื่อการลดรายจ่ายในภาคครัวเรือน การผนวกวิชาการอุตสาหกรรมเข้ากับวิถีชุมชนให้กระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำมีมาตรฐานมากขึ้น เพื่อสร้างรายได้ยั่งยืนให้กับประชาชน และเตรียมความพร้อมให้ประเทศไทยก้าวข้ามประเทศกับดักรายได้ปานกลางไปสู่ความมั่งคั่งในอนาคต พร้อมการยกระดับการให้บริการคุณภาพ ส่งเสริมการเข้าถึงของผู้ประกอบการและประชาชน ด้วย One Stop Service ซึ่งจะได้ปรับแก้ข้อจำกัดที่มีอยู่ให้สามารถขับเคลื่อนนโยบายได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
พร้อมกันนี้ ยังได้เน้นย้ำให้ทุกการดำเนินงานมุ่งสู่เป้าหมายอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การวางระบบดูแล ควบคุม และกำจัดของเสียในภาคอุตสาหกรรมที่ไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชน การใช้พลังงานทางเลือกสู่การเป็น อุตสาหกรรมไบโอชีวภาพ (Bio Circular Economy) ซึ่งจะได้หารือเพื่อขับเคลื่อนให้เกิดต้นแบบอุตสาหกรรมคาร์บอนเป็นศูนย์ (Zero Carbon Industry) ในลำดับต่อไป