‘สนธิรัตน์’ เผย สร้างอนาคตไทย เป็นมวยหลัก เชื่อ เลือกตั้งหน้าพลิกล็อกแน่นอน!
‘สนธิรัตน์’ เผย สร้างอนาคตไทย เป็นพรรคมวยหลักในบรรดาพรรคใหม่ ชูกองทุนสร้างอนาคตไทย 3 แสนล้าน ฟื้นฟูเศรษฐกิจ เชื่อ เลือกตั้งหน้าพลิกล็อกแน่นอน!
วันนี้ (6 ก.ย.65) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ประชุมสัมมนาสัมมนาผู้แสดงเจตจำนงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของพรรคสร้างอนาคตไทย โรงแรมรามา การ์เด้นส์ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวในที่ประชุมว่า วันนี้เป็นจุดพลิกผันครั้งสำคัญของพรรค ด้วยกรรมการบริหารพรรคมีมติเชิญ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มานั่งตำแหน่งประธานพรรคสร้างอนาคตไทย โดย สมคิด จะมาเป็นผู้นำของพรรคสร้างอนาคตไทยทั้งทางอุดมการณ์ และความคิด เป็นพลังสำคัญของพรรค ที่จะร่วมกันขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคไปสู่เป้าหมาย และยืนยันจะเดินหน้างานการเมืองอย่างเต็มที่
โดยช่วงนี้เข้าสู่ห้วงเวลาการเข้าโค้งสุดท้าย 6 เดือนก่อนการเลือกตั้งที่ต้องลุยอย่างเต็มที่ พร้อมขอสมาชิกพรรคทำงานในพื้นที่เพื่อประจักษ์เพื่อพิสูจน์ฝีมือว่า “สมกับเป็นผู้แทนที่จะทำงานให้ประชาชน”
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวถึงความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งในกิจกรรม “คิดสร้างอนาคตไทย” ว่า การเมืองวันนี้มาถึงจุดเปลี่ยน เพราะพรรคเดิมไม่สามารถสร้างความไว้วางใจได้ หากย้อนไปในช่วงเวลาเกือบ 2 ปี ได้มีความพยายามก่อตั้งทางเลือกใหม่ ให้กับการเมืองไทย วันนี้พรรคสร้างอนาคตไทยเป็นหนึ่งในพรรคที่จะเสนอตัวให้พี่น้องประชาชน พิสูจน์แล้วว่า เป็นพรรคมวยหลักจากพรรคใหม่ทั้งหมด
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้วัดกระแสพรรคสร้างอนาคตไทยในโซเชียล ขึ้นมาอันดับที่ 4 ทั้งบวกและลบ พรรคพยายามอย่างยิ่งที่จะเดินหน้ายุทธศาสตร์ การรวมตัวทั้งประเทศเป็นเรื่องใหญ่ ต้องใช้เวลา พร้อมพูดถึงนโยบาย กองทุนสร้างอนาคตไทย 300,000 ล้านบาท ที่จะเชื่อมโยงกับพื้นที่ของผู้สมัครรับเลือกตั้งแต่ละท่าน
จากนี้ไปเหลือเวลาอีก 5-6 เดือน หลังประชุมเอเปค แนวโน้มสูงมากที่จะเกิดการยุบสภา ยากที่รัฐบาลจะลากระยะเวลาไปจนจบวาระสภาฯ ชุดนี้ในปลายเดือนมีนาคม ตนเองประเมินเบื้องต้นว่า การยุบสภามีแนวโน้มเกิดเดือนมกราคมเป็นต้นไป เพราะฉะนั้นจากวันนี้เป็นต้นไป พรรคสร้างอนาคตไทยจะเดินหน้าไปสนับสนุนประชาชนอย่างเต็มที่
หลังจากพรุ่งนี้ (8 ก.ย.65) จะได้พบกับประธานพรรค และจะเป็นวันประกาศเปิดศึกครั้งใหญ่พร้อมต่อสู้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ผู้บริหารพรรคจากส่วนกลางจะเริ่มเคลื่อนตัวไปสนับสนุนในแต่ละภาค โดยจะลงไปแถบอันดามัน 19 ก.ย. 2565 และสัปดาห์ถัดไปจะขึ้นไปพื้นที่อีสาน
นายสนธิรัตน์ กล่าวต่อว่า เมื่อเปิดตัวเกิดกระแสแน่นอน แค่เพียงนายสมคิด ลาออกจากประธานกรรมการของบริษัทเอกชน ก็ครองพื้นที่ข่าวมา 3-4 วัน พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้ทำการเมืองเพื่อเอาสนุก เวลาห้ำหั่นมันเหน็ดเหนื่อยและบีบหัวใจ เป็นการต่อสู้ที่เอาเป็นเอาตาย หัวใจสำคัญคือ เป็นโอกาสของชีวิตที่จะพลิกเป็นผู้ชนะหรือผู้แพ้ พรรคพร้อมจะสนับสนุนให้ประสบชัยชนะ
ส่วนการเลือกตั้งครั้งนี้จะพลิกล็อกมหาศาล ไม่จริงที่นักการเมืองเก๋า ๆ จะชนะ ไม่จริงที่พรรคนี้จะเป็นของตาย ความเป็นพรรคใหม่ที่สดใส ไม่มีแผลไม่มีคำครหาจะเข้ามาแก้ปัญหาพี่น้องประชาชน
“การล้มยักษ์ เกิดขึ้นได้เสมอบนการเมือง การเมืองไทยกำลังอยู่ในรอยต่อแห่งความเปลี่ยนแปลง กลไกของอำนาจ และเงินอาจไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่คิด”
ด้านนายสันติ กีระนันทน์ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวถึงปัญหาเศรษฐกิจของไทย โดยระบุว่า ไทยติดหล่มทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อสูง 7.8% ความเหลื่อมล้ำเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ มีสถิตการฉ้อราษฎรบังหลวงรุนแรง เป็นเพราะไม่มีนักการเมืองดี ๆ เข้าสู่สภาฯ พรรคสร้างอนาคตไทยมีจุดยืนเป็นนักการเมืองที่คำนึงผลประโยชน์ของประชาชน ตอกย้ำถึงนโยบาย “5 สร้าง” สร้างเศรษฐกิจฐานราก สร้างภาคเศรษฐกิจใหม่ สร้างสังคมที่เกื้อกูล สร้างคนและโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมก้าวเข้าสู่สังคมยุคใหม่ และสร้างเมืองที่สร้างสรรค์
เราจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยชุดความคิดใหม่อย่างทั่วไทย และเท่าเทียมภายใต้การนำของ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” พร้อมนโยบายกองทุนสร้างอนาคตไทย 300,000 ล้านบาท เพื่อบริหารจัดการงบประมาณให้เกิดประสิทธิภาพ ยกเลิกงบประมาณที่รั่วไหล แบ่งเป็น “ฟื้นฟูคนไทย 100,000 ล้านบาท” เริ่มจากการปลดหนี้นอกระบบ โดยใช้กลไกธนาคารภาครัฐ สร้างความแข็งแกร่งให้ผู้ประกอบการ พักชำระหนี้อย่างน้อย 5 ปี
“ฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย 200,000 ล้านบาท” ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้ทันสมัย สร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง ลดความเหลื่อมล้ำ
เรื่อง : ณัฐพร สร้อยจำปา
ภาพ : ธนาภรณ์ วุฒิสนธิ์