‘ชัยธวัช’ ยันไม่ได้มีการกระทำล้มล้างการปกครองฯ
ด้าน ‘พิธา’ ขอทำหน้าที่พลเมือง หลังถูกตัดสิทธิ์ขอลุยเป็นผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้ง นายกอบจ.ราชบุรี และเลือกตั้งซ่อมราชบุรี
วันนี้ (7 ส.ค.67) ที่พรรคก้าวไกล หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกลและตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค 11 คนเป็นเวลา 10 ปี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล อดีตกรรมการบริหารพรรค และ สส. พรรคก้าวไกล ร่วมกันแถลงข่าว
นายชัยธวัช กล่าวว่า แม้ว่าวันนี้ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยเห็นว่าพรรคก้าวไกลกระทำการล้มล้างการปกครองอันมีพระมหากษัตริย์และเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองฯ ตนเอง ขอยืนยันว่า ข้อเท็จจริงและหลักฎหมายที่ควรจะเป็นเราไม่ได้กระทำผิดในการล้มล้างการปกครองอย่างที่ศาลเห็น และพวกเราเห็นว่าผลของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้ สิ่งที่ได้รับผลกระทบและสำคัญกว่าการดำรงอยู่ของพรรคก้าวไกล ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองของกรรมการบริหารพรรค คือ การส่งผลอย่างสำคัญเป็นการวางบรรทัดฐานการตีความร้ฐธรรมนูญและกฎหมายที่อันตราย สุ่มเสี่ยงที่จะกระทบต่อคุณค่าสำคัญขั้นพื้นฐานที่ควรจะเป็นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในอนาคต สุ่มเสี่ยงระยะยาว ระบอบประชาธิปไตยฯ จะกลายพันธ์ไปเป็นระบอบอื่นได้ นี่คือนัยยะสำคัญที่พวกเราเห็นว่าส่งผลกระทบยิ่งกว่าการยุบพรรค
ด้านนายพิธา กล่าวว่า เป็นเกียรติที่ได้มีโอกาสรับใช้พี่น้องประชาชน และมีโอกาสที่ได้ร่วมงานกับคนเก่งๆ เป็นเวลาที่ตนเองจะจำไว้ไม่มีวันลืม วันนี้ถึงตนเองจะต้องอำลาในนักการเมือง และ สส. แต่ในขณะเดียวกันจะเริ่มต้นทำหน้าที่ในฐานะพลเมือง และจะทำทุกวิถึทางในฐานะพลเมืองที่ทำให้การเมืองดีขึ้น โดยจะพาคณะใหม่ของเพื่อนๆอดีตพรรคก้าวไกล ไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลที่ดีที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา
“ประชาชนที่ฟังอยู่ทางบ้าน ไม่ต้องเสียใจ พรุ่งนี้เราขีดเส้นแล้วจะก้าวข้ามไป จะไม่ปล่อยให้กัดกินพวกเรา และจะไประเบิดในทุกคูหา ยืนยัน ไม่ท้อครับ”
นายพิธา กล่าวว่า ประชาชนที่กำลังฟังอยู่ 2-3 จังหวัดไม่ต้องรอนาน จะมีเลือกตั้งซ่อม สส.เขต1 พิษณุโลก และตนเองในฐานะประชาชนคนหนึ่งก็สามารถเป็นผู่ช่วยหาเสียงได้ รวมถึง การเลือกตั้งนายก อบจ. ขอเป็นเป็นพลังงานเชิงบวกและไปเลือกตั้งในคูหาให้ถล่มทลาย พร้อมย้ำ “ผมไม่ทิ้งพวกคุณแน่นอนครับ”
ส่วนอนาคตทางการเมืองหลังจากนี้ นายพิธา กล่าวว่า จะทำงานเพื่อบ้านเมืองต่อไป แม้ไม่ได้อยู่ในสภาและทำเนียบรัฐบาล ก็สามารถรณรงค์กฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้ และเสนอแนะท้วงติงในสิ่งที่รัฐบาลทำไม่ถูกได้
เมื่อถามว่าหากครบ 10 ปีแล้วจะกลับมาเล่นการเมืองใหม่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ตนไม่ได้ไปไหน เสาร์ และอาทิตย์นี้เจอกันที่ จ.ราชบุรี แม้เป็นนักการเมืองไม่ได้ แต่เป็นคนพัฒนาการเมืองต่อไปได้
เช่นเดียวกับนายชัยธวัช กล่าวว่า หลังจากนี้ตนก็ไม่ได้ไปไหน ได้ปวารณาตัวไปแล้ว ตั้งแต่ตอนตั้งพรรคอนาคตใหม่ ก็รู้ว่าการเมืองไทยเป็นเรื่องความเสี่ยงที่อาจจะเจอได้ ทั้งเรื่องยุบพรรค คดีความ หรือการติดคุก แต่เมื่อตัดสินใจทำงานให้กับพรรคแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะไม่หันหลังกลับ จะบทบาทไหนก็ทำงานได้ ตนมีเวลาว่างเยอะ จะไปช่วยหาเสียงเลือกนายก อบจ.ราชบุรี และเลือกตั้งซ่อมที่ จ.พิษณุโลกอย่างเต็มที่ และจะไปสนับสนุนการเลือกตั้งท้องถิ่นที่พรรคใหม่จะส่งคนลงสมัคร
ส่วนเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 ที่หลังจากนี้จะทำให้กระทบกับประชาชนและนักกิจกรรมทางการเมืองที่เสนอแก้ไขมาตรา 112 หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้บอกว่าแก้ไขไม่ได้ แต่จำกัดการแก้ไขเนื้อหาบางอย่าง ซึ่งเราเห็นว่าการบังคับใช้มาตรา 112 มีปัญหาควรแก้ไข โดยใช้กลไกสภาหาทางออก หวังว่าในอนาคตสังคมจะมีทางออกเรื่องนี้