‘รังสิมันต์’ ชี้ ตำรวจส่วนใหญ่ลาประชุม กคพ. สะท้อนภาวะผู้นำนายกฯ

มองรัฐบาลเหมือนเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกัน สถานภาพรัฐบาลไม่แน่นอน ซัด กกต.เอี่ยวฮั้ว ดึงคดีล่าช้า
วันนี้ (7 มี.ค. 68) นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษ (กคพ.) รับคดีฮั้วเลือก สว. เป็นคดีพิเศษฐานความผิดฟอกเงินว่า เวลาจะพูดถึงฟอกเงินต้องมีคดีมูลฐานก่อน งงว่าจะตั้งฐานโดยใช้คดีมูลฐานอั้งยี่ซ่องโจรก็จะสามารถไปคดีฟอกเงินได้ แต่เมื่อตั้งต้นจากคดีฟอกเงินก่อน จะต้องกลับไปตั้งต้นว่าคดีมูลฐานเป็นอย่างไร เข้าใจว่ามีปัญหาเรื่องการล็อบบี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด เพราะเริ่มต้นพิจารณาตำรวจหายไปถึงสามคน ทำไมถึงไม่สามารถกำกับดูแลได้ ทั้งที่ตำรวจอยู่ภายใต้กำกับดูแลของนายกรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่ารัฐบาลพยายามที่จะเปิดปฎิบัติการอย่างหนักในเรื่องนี้ แต่แสดงให้เห็นว่าการที่มีบุคคลภายนอกเข้ามาแทรกแซงแล้วทำให้ฐานที่จะดำเนินการเอาผิดกับ สว.ชุดนี้ว่าอาจจะกระทำความผิดกับคดีอั้งยี่ซ่องโจรหรือไม่ จึงมีปัญหาอยู่ในตอนนี้ กรณีนี้แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลนี้ไม่สามารถดำเนินการได้ แม้กระทั่งการปราบอาชญากรรมที่มีความร้ายแรงขนาดนี้ จึงมีคำถามว่าศักยภาพของรัฐบาลนี้จะทำได้มากน้อยแค่ไหน
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีความผิดอะไรหรือไม่ ถึงปล่อยให้ระยะเวลาเนิ่นนานขนาดนี้ สมมุติว่ามีการกระทำความผิดจริง ไม่ว่าจะเป็นการฮั้ว สว.หรืออะไร แต่ กกต.ปล่อยระยะเวลาให้เนิ่นนานขนาดนี้ คิดว่าเจ้าหน้าที่ของ กกต.ก็น่าสงสัยเหมือนกันว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง หรือกระทำความผิดด้วยหรือไม่ ทั้งนี้ สถานภาพของรัฐบาลที่มีความไม่แน่นอนสูง เป็นสภาวะเสือ 2 ตัวอยู่ถ้ำเดียวกัน ทำให้ความเป็นเอกภาพของรัฐบาลยังคงมีอยู่ การที่เราจะบอกว่าเสือตัวไหนแข็งแรง จะดูแค่ที่นั่ง สส.ไม่ได้ เพราะมีปัจจัยที่มากกว่านั้น
นอกจากนี้ มีผู้มีอำนาจที่อยู่นอกรัฐบาลเข้ามามีปัจจัยเกี่ยวข้องในการล็อบบี้ต่าง ๆ จึงทำให้ดีเอสไอไม่สามารถทำคดีเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษได้อย่างเต็มที่ การตั้งข้อกล่าวหาจึงดูค่อนข้างแปลกประหลาด แสดงให้เห็นว่านายกรัฐมนตรีไม่มีศักยภาพในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ ซึ่งมาจากหลายปัจจัย ส่วนหนึ่งคือภาวะผู้นำของนายกฯ มากเพียงพอหรือไม่ ในการทำให้ทุกฝ่ายเชื่อมั่นว่ารัฐบาลนี้เอาจริงกับการบังคับใช้กฎหมาย ขณะเดียวกัน การตั้งข้อหาของดีเอสไอ คิดว่ายังอีกไกลที่จะบอกว่าสะเทือนหรือไม่สะเทือนเก้าอี้ สว. การออกมาในรูปคดีฟอกเงินสุดท้ายแล้วก็ต้องมาหาคดีมูลฐานอยู่ดี
ส่วนที่ผู้ลาประชุมส่วนใหญ่เป็นตำรวจ ขนาดตำรวจอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของนายกฯ ยังเอาไม่อยู่ อย่างผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มอบหมายให้คนมาแทน แล้วมาไม่ได้ อย่างนี้มอบหมายทำไม รู้อยู่แล้วว่าวิธีการเช่นนี้ “มีคุณเขาขอมา” ก็เลยใช้วิธีขอลาไม่เข้าประชุมตั้งแต่ต้น คงคิดว่าวิธีการนี้เป็นวิธีการที่ดีที่สุด แต่การทำแบบนี้แสดงให้เห็นว่าแม้กระทั่งตำรวจเองก็ไม่สนใจนายกรัฐมนตรีเลย จึงกลับไปที่ตัวนายกฯ ว่าที่ตำรวจ และองค์กรต่าง ๆ ไม่เชื่อฟัง เพราะนายกฯไม่มีภาวะความเป็นผู้นำ
นายรังสิมันต์ เชื่อว่ามีการต่อรอง และดีลกันทางการเมือง คิดว่าเกมนี้ยังอีกไกล เดาว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับการที่ นายเนวิน ชิดชอบ เข้าพบ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แต่เชื่อว่าทุกการเคลื่อนไหว ทุกย่างก้าวของฝ่ายต่าง ๆ ล้วนถูกนำไปตีความในหลายด้าน