กต. ภูมิใจ ‘ต้มยำกุ้ง’ ถูกยกเป็นมรดกวัฒนธรรมโดยยูเนสโก สะท้อนวิถีชีวิตไทย
วันนี้ (6 ธ.ค.67) นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวกรณี “ต้มยำกุ้ง” ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้โดย UNESCO ว่า
นับเป็นข่าวน่ายินดีของไทยในการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ โดยเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.67 ที่ประชุมคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการสงวนรักษามรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ครั้งที่ 19 กรุงอาซุนซิออนสาธารณรัฐปารากวัย ได้มีมติให้ขึ้นทะเบียน “ต้มยำกุ้ง” เป็นบัญชีรายการตัวแทนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ
การขึ้นทะเบียนต้มยำกุ้ง ถือเป็นความภาคภูมิใจของไทย สร้างความตระหนักรู้ในระดับสากล คุณค่าความสำคัญของต้มยำกุ้งในฐานะมรดกทางวัฒนธรรมด้านอาหาร ถือเป็นภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของไทยที่มีการสร้างสรรค์ให้เข้ากับวิถีชีวิต ที่มีความแตกต่างและหลากหลาย สะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินชีวิตที่เรียบง่ายของชุมชนเกษตรกรรมริมแม่น้ำลำคลองในภาคกลางของไทย
ทั้งนี้ภายหลังการประกาศ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีถ้อยแถลงผ่านวิดีทัศน์แสดงความยินดีและมุ่งมั่นของไทย ที่จะเสริมสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความสำคัญของมรดกทางวัฒนธรรมที่จะจับต้องไม่ได้ในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับสากล รวมถึงย้ำความพร้อมของไทยในการแลกเปลี่ยนความร่วมมือกับนานาประเทศในการปกป้องมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้
ในวันที่ 4 ธ.ค.67 ที่ประชุมมีมติข้อตัดสินใจขึ้นทะเบียน “เคบาย่า” เป็นบัญชีรายการตัวแทนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ซึ่งเป็นการขึ้นทะเบียนร่วมกันระหว่างไทย บรูไน มาเลเซีย อินโดนีเซีย และสิงคโปร์
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ไทยมี 6 รายการที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม อาทิ โขน ในปี 2561, นวดไทย ปี 2562, โนรา ปี 2564, สงกรานต์ ปี 2566, ต้มยำกุ้ง และเคบาย่า ปี 2567
