‘ธรรมนัส’ แจงปมคลิปเสียง ‘ไทกร’ เสนอเงินปล่อยหมู

‘ธรรมนัส’ แจงปมคลิปเสียง ‘ไทกร’ เสนอเงินปล่อยหมู ลั่นกระทรวงเกษตรฯ ยุคนี้เอาจริง ตีสนิทคนใกล้ชิดไม่ได้ผล บอกพูดไปเรื่อย หลังมีกระแส พปชร.ถูกปรับออกจาก ครม.
วันนี้ (6 ธ.ค. 66) ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณีที่นายไทกร พลสุวรรณ ตั้งคำถามไปยังกรมปศุสัตว์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่ากำลังปกปิดเรื่องโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) กลับมาระบาดอีกครั้งว่า ขอให้ฟังนักวิชาการและเจ้าหน้าที่กระทรวงฯ เป็นหลัก อย่าไปฟังคนอื่นที่ไม่มีความรู้จนทำให้เกิดประเด็นทางสังคม โดยตอนนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่า ASF กลับมาระบาดอีกรอบ
ส่วนกรณีที่นายไทกรออกมาพาดพิงถึงนายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอนำเข้าตู้คอนเทนเนอร์จำนวน 38 ตู้ ข้างในบรรจุเนื้อหมูนั้น ไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์ ยืนยันว่าเป็นกระบวนการที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวนของตนเองวางแผนเพื่อขยายผลถึงต้นตอเราพูดมากไปกว่านี้ไม่ได้ ขอให้สื่อมวลชนนำเสนอข้อมูลที่ตรงกับความเป็นจริง
เมื่อถามถึงกรณีที่นายไทกร ระบุว่าจะมีการปรับ ครม.โดยพรรคเพื่อไทยจะปรับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่พรรคพลังประชารัฐดูแลคืน ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่า ก็เราพูดกันไปเรื่อย เรามาตรวจหมูเถื่อนอยู่ ยืนยันว่าคอนเทนเนอร์ทั้ง 38 ตู้ที่ตกเป็นข่าว กรมศุลกากรส่งมอบให้กรมปศุสัตว์ทำลายเรียบร้อยแล้ว
ส่วนกรณีที่อ้างว่ามีการสำแดงรายการกับกรมศุลกากรแล้วแต่กรมปศุสัตว์ไม่ออกใบอนุญาตเคลื่อนย้ายซากสัตว์ให้นั้น ทั้ง 38 ตู้ถือเป็นสินค้าตกค้างเกิน 45 วัน จึงตกเป็นของแผ่นดินตามกฎหมายกำหนด จึงต้องส่งมอบให้กรมปศุสัตว์ทำลาย โดยจำนวนหนึ่งของ 38 ตู้นี้ จัดอยู่ในกลุ่ม 161 ตู้ที่ตกเป็นข่าวก่อนหน้านี้ด้วย เพราะจัดเป็นของตกค้าง ไม่มีใครมาแสดงตนเป็นเจ้าของ
ทั้งนี้ที่ผู้ประกอบการระบุว่ากรมปศุสัตว์มีการออกใบอนุญาตเคลื่อนย้ายซากสัตว์ให้ช้าเกินกว่ากำหนด จึงทำให้ถูกเหมารวมอยู่ใน 161 ตู้ด้วยนั้น เป็นคนละประเด็นกัน ขั้นตอนของตกค้างเป็นหน้าที่ของกรมศุลกากร ต้องได้รับการอนุญาตจากกรมศุลกากรก่อน กรมปศุสัตว์ถึงจะออกใบอนุญาตได้
ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวต่อว่ายุทธการในการปราบปรามสินค้าผิดกฎหมาย มีทั้งการหาข่าว การตรวจสอบ ทั้งทางลับและใต้ดิน ดังนั้นการที่คนใกล้ชิดของตนเองจะคุยโทรศัพท์กับใครต้องระมัดระวัง ขอไม่พูดอะไรเรื่องนี้เพราะกรมสอบสวนคดีพิเศษเข้ามาเกี่ยวข้อง ตรวจสอบการใช้โทรศัพท์ของผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว ส่วนจะเป็นการเจรจาขอให้ช่วยเหลือคดีหรือไม่ เนื่องจากตนเองไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ และได้รับรายงานว่าพยายามมีกลุ่มที่จะเข้ามาเคลียร์ของให้กับบริษัทต่าง ๆ หากกลุ่มใดติดต่อมาได้กำชับให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวน และเมื่อถึงเวลาตนเองจะแถลงข่าวเอง
แนวทางการสืบสวนสอบสวนของเรา จะเอาผู้กระทำความผิดมาลงโทษ ดังนั้นอยากได้ปลา แล้วไม่เอาเบ็ดไปล่อก็คงไม่ได้ปลา เป็นสิ่งที่ทำให้รู้ว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยุคนี้เอาจริงเอาจัง ไม่ใช่จะมาเคลียร์กับคนใกล้ตัวตนเองแล้วจะได้ประโยชน์อย่างที่ตั้งใจไว้