‘พีมูฟ’ เปิดโต๊ะเจรจาตัวแทนรัฐบาล เรียกร้องบรรจุข้อเสนอ 10 ข้อ เข้าเป็นนโยบาย
‘พีมูฟ’ เปิดโต๊ะเจรจาตัวแทนรัฐบาล เรียกร้องบรรจุข้อเสนอ 10 ข้อ เข้าเป็นนโยบายก่อนแถลงต่อรัฐสภา จี้ ’แพทองธาร‘ นั่งหัวโต๊ะพูดคุยด้วยตัวเอง เพื่อแสดงความจริงใจ ขู่ หากรัฐบาลเมิน เตรียมชุมนุมปลายเดือนนี้
วันนี้ (6 ก.ย. 67) เวลา 13:00 น. ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (P-Move) พร้อมมวลชน นำข้อเสนอเชิงนโยบาย 10 ด้าน เข้าเจรจาพูดคุยกับตัวแทนรัฐบาล เพื่อขอให้บรรจุอยู่ในคำแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา ในวันที่ 12-13 กันยายน 2567 โดยมี นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เป็นตัวแทนรัฐบาลมาร่วมพูดคุยในครั้งนี้
ภายในห้องเจรจา มีตัวแทนจากกลุ่มต่าง ๆ ได้ฝากปัญหา และข้อเรียกร้องผ่านนายสมคิด ไปยังรัฐบาล โดยมีการเปิดให้แสดงความคิดเห็น และถกเถียงเกี่ยวกับการรับข้อเสนอ และข้อเรียกร้องต่าง ๆ ก่อนจะรับหนังสือ และถ่ายภาพหมู่ร่วมกัน
ด้าน นายสมคิด เปิดเผยภายหลังการร่วมประชุม ว่า กลุ่มพีมูฟมายื่นข้อเสนอความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งพวกเขาก็มีเหตุผลและหลักการต่าง ๆ เพื่อจะเสนอข้อเรียกร้องและความต้องการ 10 ข้อ เพื่อให้รัฐบาลบรรจุเป็นนโยบายของรัฐบาล แต่ในฐานะที่ตนเองเป็นผู้ประสานงานรัฐบาล ได้พูดคุยกับคนทำนโยบายแล้ว ก็มีบางส่วนที่ถูกบรรจุอยู่ แต่ยังไม่ได้รับรายละเอียดว่าเป็นส่วนไหน และวันนี้จึงได้พูดคุยกับตัวแทนพีมูฟทั้งหมด และรับปากว่าจะประสานกับพรรคเพื่อไทยในฐานะที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ให้เกิดการคุยกันในวงเล็กในวันจันทร์ที่จะถึงนี้
นายสมคิด ยืนยันว่า ความเป็นรัฐบาลใหม่ก็ไม่ได้ละเลยในเรื่องนี้ ซึ่งเดิมทีเราแต่งตั้งคณะกรรมการต่างๆ ให้ดูแล เมื่อรัฐบาลใหม่มาก็ยังเดินหน้าดูแลเหมือนเดิม และจะทำให้รวดเร็วขึ้นกว่าเดิม ส่วนที่แกนนำกลุ่มพีมูฟกล่าวในห้องเจรจาว่า หากไม่มีการตอบรับข้อเรียกร้องก็จะเดินหน้าชุมนุมนั้น ซึ่งยืนยันว่า ไม่กังวล เพราะการชุมนุมเป็นสิทธิ์ของทุกคนอยู่แล้วไม่มีปัญหา อยู่ที่รัฐบาลว่าจะตอบสนองพี่น้องประชาชนได้อย่างไร และเชื่อว่า อะไรที่ดี รัฐบาลก็ทำอยู่แล้ว
ส่วนเรื่องสำคัญข้อเรียกร้องของกลุ่มพีมูฟที่จะคิดว่าจะเดินหน้าต่อไปได้ นายสมคิด กล่าวว่า ส่วนมากเป็นเรื่องที่ทำกิน ที่เราพยายามจะทำเรื่องนี้ ซึ่งเรามีโมเดลมาจากจังหวัดแพร่ แต่มาสะดุดในตอนที่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี หลุดออกจากตำแหน่ง รวมถึงเรื่องอาชีพที่หลายกลุ่มเรียกร้องคล้ายๆ กัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าในการเจรจา กลุ่มพีมูฟมีการตัดพ้อว่า นายกรัฐมนตรีพยายามหนี ไม่มารับข้อเรียกร้องของกลุ่มพีมูฟ นายสมคิด ยืนยันว่า ไม่ใช่การชิ่งหนี และขอให้มาพูดคุยกันที่นี่ดีกว่า ซึ่งจะนัดกันอีกครั้งในวันจันทร์เพื่อให้เกิดการพูดคุยกันในวงเล็ก ซึ่งมีนายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และนายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหน้าพรรคเพื่อไทย เคยรับปากไว้ ก็ไม่น่ามีปัญหา โดยส่วนมากเป็นหลักการเดิมตั้งแต่ในรัฐบาลนายเศรษฐา ซึ่งอาจจะมีการปรับตัวคนในคณะกรรมการฯ และสรุปในช่วงที่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อสภาฯ
ขณะที่ นายธีรเนตร ไชยสุวรรณ ประธานพีมูฟ ได้อ่านแถลงการณ์ของกลุ่ม ในการผลักดันข้อเสนอเชิงนโยบาย 10 ด้านถึงรัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร เพื่อให้เร่งบรรจุอยู่ในคำแถลงนโยบายของรัฐบาลให้ได้ก่อนวันที่ 12-13 กันยายนนี้ และเป็นหลักประกันทางนโยบายขั้นแรกว่าปัญหาทั้งหมดจะได้รับการแก้ไข คืนเกียรติ คืนศักดิ์ศรี คืนชีวิตมีกินมีใช้ให้ประชาชนอย่างแท้จริง โดยมีข้อเรียกร้องดังนี้
1.รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ต้องนำนโยบายของพีมูฟทั้ง 10 ด้าน บรรจุอยู่ในคำแถลงนโยบายของรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภา ในวันที่ 12-13 กันยายนนี้ ซึ่งเราจะติดตามอย่างใกล้ชิด และพร้อมเดินหน้าเคลื่อนไหว วิพากษ์วิจารณ์ หากรัฐบาลไม่ตอบสนองต่อเสียงเรียกร้องของประชาชน
2.ในกระบวนการแก้ไขปัญหาหลังจากนี้ น.ส.แพทองธาร ต้องเปิดเจรจากับพีมูฟด้วยตนเอง เพื่อแสดงความจริงใจ วิสัยทัศน์ และศักยภาพในฐานะนายกรัฐมนตรีให้ประชาชนได้เห็น
ทั้งนี้ กลุ่มพีมูฟยังประกาศถึงสาธารณชน สื่อมวลชน และพรรคการเมืองทุกพรรค ว่าเราจะเดินหน้าผลักดันนโยบายภาคประชาชนผ่านทุกพรรคการเมืองต่อไป และจะจัดเวทีสาธารณะเพื่อเปิดตัวนโยบายทั้ง 10 ด้านอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ในวันที่ 13 กันยายนนี้ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ คู่ขนานกับการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา และยืนยันว่า พร้อมที่จะเดินหน้าขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาทางนโยบายกับรัฐบาลใหม่หลังจากนี้
ส่วนการเคลื่อนไหวหากรัฐบาลเพิกเฉยนั้น นายจำนงค์ หนูพันธ์ ที่ปรึกษากลุ่มพีมูฟ ระบุว่า หากรัฐบาลเพิกเฉย ไม่ร่วมพูดคุย ก็จะมีการกลับมาชุมนุมเพื่อเรียกร้อง โดยที่แรก คือกระทรวงมหาดไทย ในวันที่ 30 กันยายนนี้ รวมถึงในวันที่ 7 ตุลาคม ที่กระทรวงคมนาคมกับทำเนียบรัฐบาล และวันสุดท้ายคือที่กระทรวงการคลัง ในวันที่ 17 ตุลาคม พร้อมย้ำว่า รัฐบาลชุดนี้จะต้องเดินหน้าแก้ปัญหาให้กับประชาชนทั่วประเทศ ไม่ใช่มัวแต่แก้ปัญหาผลประโยชน์ หรือการแบ่งสรรตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ควรจบได้แล้ว หากจะเดินหน้าโชว์ผลงานของรัฐบาลแพทองธาร ก็ควรที่จะเดินหน้าแก้ปัญหาให้กับประชาชน หมดเวลาแบ่งผลประโยชน์ในรัฐบาลชุดนี้แล้ว