‘ประเสริฐ’ ชี้ ถ่ายบัตร ปชช. – ใบหน้า ผิดกฎหมาย PDPA แนะ ผู้เสียหายแจ้งความ
‘ประเสริฐ’ ชี้ ถ่ายบัตร ปชช. – ใบหน้า ผิดกฎหมาย PDPA โทษปรับสูง แนะ ผู้เสียหายแจ้งความ แม้ยังไม่เกิดความเสียหาย คาด พ.ร.ก.ปราบปรามไซเบอร์ อาจเข้า ครม.ทันพรุ่งนี้
วันนี้ (5 ม.ค. 68) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องของสถานบันเทิงย่านบางใหญ่ถ่ายบัตรประชาชน และใบหน้าของลูกค้า ว่า ตามกฎหมายแล้วไม่สามารถทำได้ ถือว่าผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA หลังปรากฏเป็นข่าว ได้สั่งการให้รักษาการเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPC ตรวจสอบ และดำเนินการ ซึ่งขณะนี้มีผู้เสียหายมาแจ้งความดำเนินคดีแล้วประมาณ 65 คน พร้อมแนะนำให้ประชาชนที่ไปร้านแห่งนี้ไปแจ้งความไว้ แม้จะยังไม่ได้รับความเสียหายเพื่อป้องกันไว้ก่อน เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวจะทำให้เกิดความเสียหายภายหลังได้
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า หลังจากนี้จะมีการตรวจสอบย้อนหลังไปว่าสถานบันเทิงดังกล่าว ได้ข้อมูลส่วนบุคคลไปมากน้อยขนาดไหน ซึ่งขณะนี้กำลังตรวจสอบต้นตอไปพร้อมกัน โดยมีหน่วยงานที่ตรวจสอบเบาะแสที่มีเครื่องมือ และยังมีผู้แจ้งเบาะแสเข้ามาให้ตรวจสอบเพิ่มเติมด้วย เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ สคส. (PDPC) มีหน้าที่และภารกิจดูแลหน่วยงานภาครัฐเป็นหลัก แน่พอมีภาคเอกชนเข้ามาก็ต้องร่วมดำเนินการด้วย และต้องยอมรับว่าภาครัฐ และภาคเอกชนมีจำนวนมาก บางอย่างรัฐบาลไม่สามารถรับรู้ได้ และกฎหมาย PDPA บังคับใช้แล้ว ก็เป็นหน้าที่ของทุกหน่วยงานที่ต้องคุ้มครองรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า
นายประเสริฐ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า หากสงสัยว่าข้อมูลส่วนบุคคลของตัวเองไม่ปลอดภัย ให้แจ้งมายังกระทรวงดิจิทัลฯ ให้แจ้งมาที่หน่วย Eagle Eyes ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ตรวจสอบการละเมิด ข้อมูลส่วนบุคคล
นายประเสริฐ ยังกล่าวถึงโทษนำข้อมูลส่วนบุคคลไปขายว่า มีโทษร้ายแรง มีโทษปรับสูง และยกตัวอย่าง ที่ผ่านมามีบุคคลถูกโทษปรับไป 7 ล้านบาท ส่วนโทษจำคุกจะต้องพิจารณาจากความเสียหาย
ส่วนความคืบหน้าการออกพระราชกำหนดการปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์ จะเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในช่วงสัปดาห์ใด นายประเสริฐ กล่าวว่า เราได้เสนอสำนักงาน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี หรือ สลค. ไปแล้ว แต่ภายหลัง สลค. ได้ขอข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อให้กฎหมายดังกล่าวมีความสมบูรณ์มากขึ้น และกระทรวงดิจิทัลฯ ได้ส่งข้อมูลเพิ่มเติมกลับไปแล้ว ซึ่งขณะนี้เป็นไปตามกระบวนการ ว่าจะสามารถเข้าที่ประชุม ครม.ทันพรุ่งนี้หรือไม่
นายประเสริฐ ยังกล่าวถึง ความคืบหน้าการปราบปรามอาญากรรมทางไซเบอร์ ต้องเป็นพ.ร.ก.เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล โดยธนาคาร และโอเปอร์เรเตอร์ ต้องมีส่วนรับผิดชอบ ซึ่งมาตรการที่ออกไปแล้ว หากไม่ปฏิบัติแล้วเกิดความเสียหายธนาคาร และโอเปอร์เรเตอร์ต้องรับผิดชอบด้วย ทั้งกรณีมีการส่ง SMS แนบลิงค์มาด้วย จะต้องมีการล้างข้อมูลใหม่ทั้งหมด โดยหากมี พ.ร.ก.ออกมาแล้ว ก็สามารถบังคับใช้ได้ทันที