‘อนุทิน’ จ่อคุยกรมการปกครองห้ามออกใบอนุญาตครอบครองอาวุธปืน
‘อนุทิน’ จ่อคุยอธิบดีกรมการปกครองห้ามออกใบอนุญาตประชาชนครอบครองอาวุธปืน – บีบีกัน ต้องขึ้นทะเบียน
วันนี้ (4 ต.ค. 66) ที่กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวในประเด็นความรุนแรงที่ห้างดังใจกลางกรุงเทพฯ โดยมีความกังวลเรื่องการถือครองอาวุธปืนของผู้ก่อเหตุ ว่า ปืน ต้องขึ้นทะเบียน และคนพกพาก็ต้องมีใบอนุญาต ผิดจากนี้คือผิดกฎหมาย ซึ่งตนเองตั้งใจอยู่แล้วว่าจะลดจำนวนการครอบครองอาวุธปืน เพื่อลดเหตุรุนแรง กำลังจะหารือกับอธิบดีกรมการปกครองในเรื่องนี้ ไม่ให้มีการอนุญาตออกใบพกปืนกับคนทั่วไป เพื่อลดจำนวนปืน
“การได้มาซึ่งอาวุธปืน ต้องมีการเข้มงวด คนที่ซื้ออาวุธปืน ต้องขอใบอนุญาต ต้องลงไปดูเรื่องการซื้อกระสุนด้วย สนามยิงปืน สนามซ้อมปืน เขาก็ห้ามคนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ เข้าไปใช้อาวุธปืน ทั้งหมด คือคนเลี่ยงกฎหมาย ส่วนคนที่มีหน้าที่ควบคุมกฎระเบียบ ไม่ทำหน้าที่ตนเองอย่างเคร่งครัด”
นายอนุทินกล่าวอีกด้วยว่า ต้องดูที่ผู้ที่ละเลยหน้าที่ด้วย ไม่ใช่แค่ผู้ก่อการ ส่วนกรณีเด็ก 14 ต้องไปดูให้ชัดว่า ได้ปืนมาอย่างไร ไปซ้อมมาด้วย มันผิดแล้ว ถ้ามีปัญหาสุขภาพ แล้วเข้าถึงปืนได้อย่างไร กระทรวงมหาดไทย ต้องควบคุมการเข้าถึงอาวุธปืน ให้อธิบดีกรมการปกครองไปจัดการแล้ว พอแล้ว ที่จะให้สามัญชนพกอาวุธปืน
“เด็ก 14 พกปืน เอาเข้าจริง ตามกฎหมาย มันไม่ได้ ดังนั้น ผู้ปกครองต้องรับผิดชอบ ต่อให้มีใบพกปืน ไม่ได้บอกว่า ให้คุณเอายิงใครก็ได้ มีกฎระเบียบชัดเจน เหลืออย่างเดียวคือ คนไม่เคารพกฎหมาย จากนี้ ต้องควบคุมป้องกันเพิ่มบทลงโทษ ในเรื่องเกี่ยวกับการพกพาอาวุธ ถ้าออกประกาศได้ จะดีเลย การซื้อผ่านอินเทอร์เน็ต ก็ผิดกฎหมาย ถ้ามันเกิดขึ้น เท่ากับการบังคับใช้กฎหมายมีปัญหาแล้ว” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกล่าว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกล่าวอีกว่าของเทียมปืน ของคล้ายปืนก็ต้องควบคุม ได้คุยกับอธิดีกรมการปกครองแล้ว บีบีกัน ก็ต้องให้ขึ้นทะเบียน ไม่ใช่ว่า ซื้อง่าย ขายคล่อง ของแบบนี้ ต้องจำกัดการถือครอง ที่ผ่านมาพกกันง่าย
“นี่คือโอกาสที่ รัฐมนตรี ก็ใหม่ อธิบดีกรมการปกครองก็ใหม่ ก็ทำให้เต็มที่ เอาให้แห้งเลย ตรงไหนกฎหมายไปได้ ใช้กฎหมาย ตรงไหน ไม่ได้ ก็ต้องเสนอแก้กฎหมาย เราเป็นรัฐบาล 320 กว่าเสียง ถ้าเราทำเพื่อประชาชน มันก็ทำได้ นี่คือโอกาสแล้ว” นายอนุทินกล่าว