‘พีระพันธุ์’ เตรียมเสนอลดราคาน้ำมัน–ไฟฟ้า เตรียมเปิดนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเสรี
‘พีระพันธุ์’ เตรียมเสนอ ‘ปรับลดราคาน้ำมัน–ไฟฟ้า’ พร้อมเตรียมเปิดนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเสรี เปิดโอกาสให้ประชาชนหาพลังงานในราคาที่เป็นธรรม
วันนี้ (4 ก.ย. 66) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงแนวทางการลดราคาพลังงานหลังจากที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีประกาศนโยบายดังกล่าวอย่างชัดเจนว่า นโยบายดังกล่าวเป็นนโยบายหลักที่สำคัญของพรรครวมไทยสร้างชาติอยู่แล้ว และแจ้งต่อที่ประชุมร่วมกับพรรคเพื่อไทยในการประชุมทำนโยบายรัฐบาลเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ที่ผ่านมา จึงเป็นนิมิตหมายที่ดีไม่เฉพาะแค่ราคาพลังงานแต่รวมถึงค่าครองชีพอื่น ๆ ด้วย เพราะพลังงานเป็นต้นทุนการผลิตสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภค การปรับลดราคาพลังงานให้อยู่ในอัตราที่เหมาะสมและเป็นธรรมจึงเป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่าได้กำหนดนโยบายดังกล่าวไว้ในนโยบายของรัฐบาลที่จะแถลงต่อสภาผู้แทนราษฎรแล้ว มั่นใจว่าเมื่อนโยบายตรงกันทั้งนโยบายรัฐบาลและนโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติที่ตนรับผิดชอบอยู่ จะทำให้นโยบายเกิดเป็นรูปธรรมมากขึ้นและเร็วขึ้น
นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อว่า แนวทางเรื่องราคาพลังงานที่ต้องเร่งดำเนินการ คือ ราคาน้ำมัน และราคาไฟฟ้า ซึ่งมีองค์ประกอบของราคาหลายอย่าง เช่น ภาษี ค่าการตลาด ภาระการเงินและเงินกู้ และอีกหลายเรื่องประกอบกัน บางองค์ประกอบไม่สามารถควบคุมได้ เช่น ต้นทุนก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้า รวมถึงต้นทุนของราคาน้ำมันดิบ เป็นต้น ทั้งนี้สิ่งที่สามารถดำเนินการได้ คือ โครงสร้างและองค์ประกอบที่รวมกันจนเป็นราคาขายของพลังงานเหล่านี้ ต้องดูว่าส่วนไหนที่ตัดทิ้งหรือปรับลดลงได้ นอกจากนี้ยังต้องมองถึงน้ำมันราคาถูกพิเศษสำหรับประชาชนบางกลุ่ม เช่น กลุ่มชาวประมง สามารถซื้อน้ำมันที่เรียกว่า น้ำมันเขียวในราคาพิเศษ และจะดำเนินการเช่นเดียวกันนี้กับกลุ่มอื่น ๆ เช่น กลุ่มเกษตรกร เป็นต้น
นอกจากนี้ นายพีระพันธุ์ ยังเห็นว่าควรจะให้โอกาสเสรีในการหาน้ำมันสำเร็จรูปที่ไม่ใช่การนำน้ำมันดิบเข้ามากลั่นจนทำให้มีต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ควบคุมลำบาก หากเป็นการนำน้ำมันสำเร็จรูปที่ไม่ต้องมีค่าการกลั่นหรือค่าใช้จ่ายอื่น เพราะราคาทุกอย่างคำนวณจบแล้ว หากนำพลังงานราคาถูกเข้ามาได้ก็ควรเปิดโอกาสให้ทำโดยภาครัฐจะเป็นผู้กำกับดูแลให้การจัดหาพลังงานเป็นไปโดยสะดวกและรวดเร็ว
“ที่มาของพลังงานในประเทศไทยมี 2 เรื่อง คือเรื่องความมั่นคงของประเทศ และการหาน้ำมันราคาถูกให้ประชาชนใช้ ผมจึงคิดว่าภารกิจหน้าที่ของรัฐบาลและของกระทรวงพลังงานวันนี้ไม่ใช่เรื่องของการทำธุรกิจน้ำมันแต่เป็นเรื่องการสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศและการหาพลังงานให้ประชาชนในราคาที่เป็นธรรมและเหมาะสม ส่วนเรื่องการทำธุรกิจของบริษัทที่เกี่ยวข้องเป็นเรื่องของเขาไม่ใช่เรื่องของกระทรวง แต่กระทรวงพลังงานมีหน้าที่กำกับดูแลให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมถูกต้องแล้วเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าถึงการหาพลังงาน หาน้ำมัน หาเชื้อเพลิงมาใช้ได้อย่างเสรี จะต้องไม่ปิดกั้นต้องให้โอกาสเพื่อให้ราคาถูกลงให้ได้ เป็นการลดต้นทุนเพราะพลังงานเป็นต้นทุนต่าง ๆ ในชีวิต ถ้าสามารถลดต้นทุนตรงนี้ลงได้ ค่าครองชีพก็จะลดลงตาม ฉะนั้นผมจึงคิดว่านี่คือภารกิจของกระทรวงพลังงาน ไม่ใช่การทำธุรกิจ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าว
