พี่สาว ’ต้าร์ วันเฉลิม‘ ยื่นหนังสือถึงพรรคเพื่อไทย หลังครบรอบ 4 ปี น้องชายถูกอุ้มหายที่กัมพูชา

พี่สาว ’ต้าร์ วันเฉลิม‘ ยื่นหนังสือถึง พรรคเพื่อไทย หลังครบรอบ 4 ปี น้องชายถูกอุ้มหายที่กัมพูชา ด้าน ’ครูมานิตย์‘ ย้ำ เพื่อไทยให้ความสำคัญเรื่องสิทธิมนุษยชน เตรียมนำเข้าที่ประชุม สส. พรรค

วันนี้ (4 พ.ค. 67) เวลา 13:30 น. ที่พรรคเพื่อไทย มูลนิธิผสานวัฒนธรรม พร้อมด้วย น.ส.สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวของนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ลี้ภัยทางการเมืองที่ถูกอุ้มหายในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อปี 2563 ยื่นหนังสือถึงพรรคเพื่อไทย เพื่อหารือถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นหลังการรัฐประหาร คสช. โดยเฉพาะการอุ้มฆ่า อุ้มหาย ผู้ลี้ภัยในประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย เป็นตัวแทนรับหนังสือ

สำหรับข้อเรียกร้องที่นำมายื่นในวันนี้ ประกอบด้วย

1.ให้หน่วยงานของรัฐสอบสวนอาชญากรรมและการละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรงดังกล่าวข้างต้นอย่างจริงจัง และได้ผลเพื่อให้ได้พยานหลักฐานและนำตัวผู้กระทำผิด รวมทั้งผู้บงการ มาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว

2.ขอให้เยียวยาชดใช้เยียวยาญาติ ซึ่งเป็นผู้เสียหาย ทั้งในทางจิตใจ เศรษฐกิจ และสังคมตามหลักสิทธิมนุษยชนโดยด่วน

ส่วนการละเมิดสิทธิมนุษยชนกรณีอื่นๆ ที่เกิดจากการกระทำของ คสช. รัฐบาลที่สืบทอดอำนาจ คสช. และพรรคพวกให้ดำเนินการดังต่อไปนี้

1.ตรวจสอบค้นหาความจริงเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่ว่าจะเป็นการจับกุมคุมขังดำเนินคดี ลงโทษ นักกิจกรรมที่ต่อต้านคัดค้านระบอบ คสช. ด้วยข้อหาต่างๆ ข่มขู่ คุกคาม ทำร้าย ร่างกายและจิตใจ ล่วงละเมิดทางเพศ แล้วจัดทำรายงานเปิดเผยความจริงต่อผู้ถูกละเมิด ญาติพี่น้องและประชาชน

2.เยียวยาเหยื่อ ผู้รอดชีวิต และครอบครัว ทั้งทางร่างกาย จิตใจ เศรษฐกิจ สังคม เช่น การขออนุมัติจ่ายเงินค่าชดเชยให้กับครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ ดังเช่นกรณีในอดีตที่มีการออกมติ ครม.ให้จัดตั้งคณะกรรมการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้และจ่ายเงินเยียวยาจากเหตุการณ์มัสยิดกรือเซะ รวมถึงกรณีทนายสมชาย นีละไพจิตร การขอโทษรวมทั้งออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้แก่นักกิจกรรมที่ถูกดำเนินคดี ลงโทษและจับกุมคุมขัง ในข้อหาความผิดที่เกี่ยวกับความคิด ความเชื่อ และการแสดงออกทางการเมือง

อนึ่งการขอโทษต่อสาธารณชน หรือ Public Apology ซึ่งเป็นวิธีการและเครื่องมือทางสังคมอย่างหนึ่งที่สามารถนำมาใช้เพื่อแสดงความสำนึกผิด และประกาศเจตจำนงว่า แม้คำขอโทษเหล่านี้จะไม่สามารถหักล้างหรือเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ที่น่าเศร้าเสียใจในอดีตได้ แต่เป็นการแสดงออกถึงความตั้งใจจริงของรัฐบาลในปัจจุบัน เพื่อยอมรับผิด และยอมรับว่ามีเหตุการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชน ขึ้นจริง แสดงถึงความตระหนักรู้ว่าการกระทำของผู้คนในการก่อนเป็นเรื่อไม่ถูกต้อง และยืนยันว่า นับจากนี้ต่อไปจะไม่สนับสนุนหรือส่งเสริมให้เกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ขึ้นซ้ำอีก

นอกจากนี้ จะต้องนำตัวผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรง โดยเฉพาะระดับผู้นำหรือผู้สั่งการมาลงโทษ และปฏิรูปกลไกและสถาบันทางการเมืองต่างๆ ให้เป็นประชาธิปไตย และตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลัก สิทธิมนุษยชนและนิติรัฐที่เข้มแข็ง เพื่อป้องกันมิให้เกิดการละเมิดซ้ำอีก

น.ส.สิตานัน เปิดเผยว่า ทุกคนคงทราบกันดีว่านายวันเฉลิมเคยทำงานให้กับพรรคเพื่อไทย ในสมัยของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ดังนั้น ครบรอบ 4 ปีการหายไปของนายวันเฉลิมหายไปจากกัมพูชา ในฐานะที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เราจึงมาทวงถามความคืบหน้า หรือทิศทางของพรรคเพื่อไทยในเรื่องนี้บ้าง ซึ่งภายหลัง 4 ปีที่นายวันเฉลิมหายไป พรรคเพื่อไทย ไม่เคยแสดงตัว หรือแสดงความเสียใจอะไรให้กับญาติเลย วันนี้จึงมาถามว่า ในฐานะที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลนั้น จะทำอะไรให้กับเราบ้าง เพราะวันเฉลิมก็เป็นคนไทยคนนึงที่หายไปจากกัมพูชา

ด้านนายครูมานิตย์ กล่าวว่า เรื่องสิทธิมนุษยชนพวกเราต่อสู้กันได้อย่างยาวนาน และวันนี้พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เราได้ติดตามเรื่องนี้อยู่ และพยายามที่จะเข้าไปดำเนินการแก้ไขปัญหา โดยตนในฐานะที่ตนเป็นตัวแทนรับหนังสือก็จะได้นำเรื่องนี้เข้าไปพูดคุยในที่ประชุมพรรค และขอให้สบายใจได้ว่าแม้อาจจะไม่ได้วันนี้ หรือวันพรุ่งนี้ แต่อย่างน้อยๆ ก็เป็นตัวนำที่พวกเราจะได้นำมายื่น และได้ติดตามกันต่อไป

ภายหลังจากที่นายครูมานิตย์ กล่าวเสร็จ น.ส.สิตานันได้ทวงถามคำตอบจากนายครูมานิตย์อีกครั้งว่าจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไรต่อ แต่นายครูมานิตย์ ยังยืนยันคำตอบเดิมว่า จะต้องนำเรื่องนี้ไปพูดคุยในที่ประชุมพรรคก่อน พร้อมย้ำว่า เราให้ความสำคัญเรื่องสิทธิมนุษยชนอยู่แล้ว ก่อนจะตอบโต้กันไปมา ทำให้น.ส.สิตานัน กล่าวว่า เราได้คำตอบแล้ว ก่อนที่หนึ่งในผู้มายื่นหนังสือ จะเผาหนังสือที่นำมายื่นต่อพรรคเพื่อไทยv