‘ครูมานิตย์‘ เชื่อ ไม่มีความขัดแย้งในเพื่อไทย ปมตั้ง ’วิษณุ’ เป็นที่ปรึกษาของนายกฯ
‘ครูมานิตย์‘ เชื่อ ไม่มีความขัดแย้งในเพื่อไทย ปมตั้ง ’วิษณุ’ เป็นที่ปรึกษาของนายกฯ ชี้ วิษณุ ทำปาฏิหารย์ด้านกฎหมายบ่อยครั้ง และมีประสบการณ์ทางการเมืองมาก ปัดตอบดึงช่วยคดี ‘ทักษิณ‘
วันนี้ (4 มิ.ย. 67) ที่พรรคเพื่อไทย นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวความขัดแย้งภายในพรรคเพื่อไทย ภายหลังมีการตั้งแต่นายวิษณุ เครืองาม เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตนคิดว่าไม่มีความขัดแย้งกัน เพราะได้พูดคุยกันอยู่
นายครูมานิตย์ กล่าวต่อว่า มีน้องๆ สส.รุ่นหลังมาถาม เราก็ตอบว่า วันนี้ไม่รู้นายวิษณุคิดอย่างไร แต่หากให้ตนฟันธงว่านายวิษณุที่มี สมญานามว่าเนติบริกรอยู่แล้ว ตรงไหนที่อาสารับใช้ที่จะเป็นประโยชน์ได้ ตนก็เชื่อว่าท่านก็น่าจะไปหมด ซึ่งอยู่ๆ ท่านอาสาเข้ามา และท่านก็อาจจะอายุมากแล้ว หรืออาจจะป่วยอยู่ในระดับหนึ่ง ก็คงคิดว่าอะไรที่เป็นประโยชน์เหลือรัฐบาลคิดว่าท่านเป็นประโยชน์ก็เข้ามาทำให้
ผู้สื่อข่าวถามว่าการแต่งตั้งนายวิษณุ เป็นเพราะในพรรคเพื่อไทยไม่มีคนเก่งด้านกฎหมาย นายครูมานิตย์ ระบุว่า คงจะไม่ถึงขนาดนั้น เพราะคนเก่งด้านกฎหมายก็มี เช่น นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แต่บางทีความแหลมคมด้านกฎหมาย ก็ต้องยอมรับว่านายวิษณุท่านทำเรื่องความปาฏิหาริย์ทางกฎหมายมาบ่อย และถือเป็นเรื่องธรรมดา
ส่วนรัฐบาลจำเป็นจะต้องใช้ปาฏิหาริย์ทางกฎหมายหรือไม่ เพราะในช่วงที่ผ่านมาก็บริหารดูเรียบร้อยดีนั้น นายครูมานิตย์ กล่าวว่า จริงๆ ก็ไม่จำเป็น เพียงแต่ว่าข้อมูลทางด้านข้อกฎหมาย บางทีเราก็ต้องยอมรับว่าบางทีคนที่ไม่เข้าใจกฎหมายก็จะคุยกับคนที่ไม่เข้าใจกฎหมายเป็นเรื่องยาก โดยนายวิษณุก็ผ่านรัฐบาลมาหลายรัฐบาล ก็มีประสบการณ์เกี่ยวกับกฎหมายทางการเมืองมากกว่า
เมื่อถามว่ากรณีการแต่งตั้งนายวิษณุมีดีลพิเศษอะไรหรือไม่ นายครูมานิตย์ กล่าวว่า ตนคิดว่านายกเศรษฐา เป็นคนมีเสน่ห์มากกว่า ถ้าดูโปรไฟล์ตั้งแต่อดีต เพราะเป็นตระกูลที่มีคอนเนคชั่นระดับสูงในประเทศมากมาย แม้แต่นายวิษณุยังยอมรับว่าสนิทกับนายเศรษฐามายาวนาน และมีเสน่ห์ในการพูดคุยกับผู้ใหญ่ ซึ่งอาจจะไปหาเชิญมาทำงานจริงๆ โดยตนก็เคยได้พูดคุยกับนายวิษณุ ท่านก็บอกว่าพร้อมทำเมื่อไหร่ที่เป็นประโยชน์ และท่านก็ตั้งใจจริงๆ ที่เข้ามาทำงาน และเห็นได้จากการที่ท่านตั้งใจ
ทั้งนี้ ผู้ถามต่อว่าด้วยความที่นายวิษณุเป็นมือหนึ่งด้านกฎหมาย นอกจากคดีของนายเศรษฐาแล้วยังรวมถึงคดีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายครูมานิตย์ กล่าวว่า ตรงไหนที่ท่านช่วยได้ ก็คิดว่าท่านจะช่วย เพราะท่านอาสาเข้ามาถึงขนาดนี้แล้ว ซึ่งอาสาเข้ามาเพื่อช่วยบ้านเมืองขนาดนี้ และต้องยอมรับว่าบ้านเมืองในขณะนี้กำลังแบ่งฝั่งแบ่งฝ่าย และยังไม่ปองดองเท่าที่ควร ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาในประเทศที่ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย ที่บอกว่า สีนั้นหมดสีนี้หมด แต่ตนมองว่า ในข้อเท็จจริงมันยังไม่ใช่ เพราะหากติดตามจะเห็นว่ายังมีการวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมืองอยู่ทุกวัน
ส่วนคดี ม.112 ที่ถือว่าเป็นเรื่องระเอียดอ่อนนั้น ก็ขอให้รอติดตามในวันที่ 18 มิ.ย. นี้ ที่อัยการนัดนายทักษิณไปพบเพื่อยื่นฟ้อง เพราะตนเองก็ติดตามอยู่ว่าทิศทางจะเป็นอย่างไร ตนก็ไม่สามารถที่จะมาพูดได้เพราะไม่ใช่นักกฎหมาย และเชื่อว่าคงไม่เป็นชนวนในความหลากหลายทางสีเสื้อมาลงถนนกันแล้ว ซึ่งคิดว่าคงหมดแล้วที่จะต้องมาต่อสู้กันแบบนี้ เพราะทุกวันนี้ก็มาต่อสู้กันเชิงวิชาการมากกว่า