‘สมศักดิ์‘ เผย ดึงกัญชากลับเป็นยาเสพติดควบคุมง่ายและชัดเจนกว่า
ชี้ หากออก พ.ร.บ.มาควบคุมทำได้ง่ายก็คงผ่านสภาไปแล้ว แจง ได้ฟังกลุ่มต้านกัญชากลับเป็นยาเสพติดแล้ว แต่ไม่ได้เชิญร่วมเวที 1 มิ.ย. หวั่นปะทะคารม ยัน ข้อมูลต้นทุนค่ารักษาพยาบาลพุ่งจาก 2 พันล้าน เป็น 3 หมื่นล้าน มีที่มาข้อมูลชัดเจน
วันนี้ (4 มิ.ย. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่ พรรคภูมิใจไทย ออกมาท้วงติงถึงการจัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นที่จะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดว่าไม่มีความรอบด้าน ว่า ไม่เป็นความจริง เพราะกลุ่มที่คัดค้านการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดมาให้ข้อมูลครบถ้วนกับตนแล้ว วันที่มีการจัดสัมมนาจึงไม่ได้มีการนัดหมายให้มาพร้อมกัน เพราะเกรงว่าจะปะทะคารมกันแล้วจะฟังไม่รู้เรื่อง โดยขณะนี้เรามีตัวเลข และสถิติมากมาย เกี่ยวกับผลกระทบของกัญชาเรื่องไอคิว และค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา อาทิ จากสถาบันการศึกษา แพทย์ และฝั่งประเทศตะวันตก ซึ่งหลังจากนี้จะให้โฆษกที่เกี่ยวข้องกับเรื่องกัญชาชี้แจง โดยยืนยันว่า ข้อมูลเกี่ยวกับค่ารักษาผู้ป่วยจากกัญชาที่เพิ่มขึ้นจาก 3 พันล้านบาท เป็น 2 หมื่นล้านบาท มีข้อมูลชัดเจน เป็นข้อมูลจากสถาบันทางราชการ โดยมหาวิทยาลัยมีการทำวิเคราะห์ไว้
ส่วนเรื่องดังกล่าวจะทำให้เกิดปัญหาในพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ เพราะพรรคภูมิใจไทยยังยืนยันว่าไม่อยากให้นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด โดยให้มีการออกเป็นพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เพื่อควบคุม นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การออก พ.ร.บ. ถ้าง่ายก็ผ่านสภาแล้ว แต่การออก พ.ร.บ. ไม่ผ่านตั้งแต่สภาสมัยที่แล้วแสดงว่ามีความเห็นขัดแย้ง แล้วมาเถียงกันเรื่องประเด็นเล็กๆ น้อยๆ จนทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ซึ่งตนยืนยันว่าถ้าบอกว่าเป็นยาเสพติด เราก็ต้องมีกฎหมายรองหรือกฎกระทรวงว่าอะไรทำได้อะไรทำไม่ได้ ไม่ต้องถึงขั้นออกกฎหมายในสภา
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขจะนำเรื่องเข้าบอร์ดคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ป.ป.ส.) เพื่อดึงกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด หลังทำเรื่องยาบ้าจบภายในสัปดาห์นี้ และนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 11 มิ.ย.นี้ จากนั้นจึงจะทำเรื่องกัญชาซึ่งต้องออกกฎกระทรวงหลายฉบับ ถ้าบอกว่าเป็นยาเสพติดก็ต้องประกาศ เป็นยาเสพติด และทำกฎกระทรวงออกมารองรับ
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการจะนำกัญชากลับมาเป็นยาเสพติดหรือไม่นำกลับมาเป็นยาเสพติด ยังมีอะไรที่ต้องอธิบายความอีกมาก ถ้าเราเขียนให้เป็นยาเสพติด ก็ต้องมีคำอธิบายตามมาคือกฎกระทรวง แต่ถ้าไม่นำกลับมาเป็นยาเสพติด ก็ต้องเขียนในกฎหมายพืชกัญชา ว่าอะไรที่ทำไม่ได้ แต่สิ่งที่ปรารถนาคือเรื่องการดำเนินการทางการแพทย์ เศรษฐกิจ และสุขภาพ ซึ่งทั้งสองความเห็นดังกล่าว มีความปรารถนาเหมือนกัน แต่การที่จะบันทึกไว้ในกฎหมาย หรือกฎหมายรองอย่างเป็นถกเถียงกันอยู่ ตนตรงไปตรงมาคือทำเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ เศรษฐกิจ และสุขภาพ ซึ่งเป็นประเด็นที่นายกรัฐมนตรีเคยแถลงไว้ที่สภา
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ถ้ามีการเขียนกฏหมาย กัญชาก็จะระบุว่าอะไรที่ทำไม่ได้ ถ้าไม่เขียนก็สามารถทำได้หมด ซึ่งตนเกรงว่ามันจะไปในเรื่องของสันทนาการ เพราะหากเขียนควบคุมเรื่องสันทนาการก็เกรงว่าจะเขียนได้ไม่ครบ แต่ถ้าเป็นเรื่องยาเสพติดจะมีกฎหมายยาเสพติดเขียนห้ามไว้หมดอยู่แล้ว
ผมไม่ต้องการให้มีสถานการณ์ จึงทำให้ชัดเจนว่าให้เป็นยาเสพติดไปเลย อะไรที่ให้ทำตามประกาศตามที่นายกฯแถลงไว้ เราก็เขียนให้ทำได้