ผบก.ป. เผยแจ้งข้อหาเพิ่ม ‘ทนายตั้ม‘ รวม 7 ข้อหา จ่อแจ้งข้อหา นุ-สา เพิ่มเติม

ผบก.ป. เผยแจ้งข้อหาเพิ่ม ‘ทนายตั้ม‘ รวม 7 ข้อหา จ่อแจ้งข้อหา นุ-สา เพิ่มเติม ส่วนคดี ‘ฟิล์ม รัฐภูมิ’ ยังไม่ประสานขอเข้าพบ หลังถูกออกหมายเรียก ขณะที่คดี ‘สามารถ’ อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน
วันนี้ (3 ธ.ค. 67) ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม ให้สัมภาษณ์ถึง 3 คดีสำคัญ โดยคดีแรก คือ ความคืบหน้าคดีของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม โดยเมื่อวันที่ 28 พ.ย. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้เข้าไปแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในกรณีเงิน 39 ล้านบาทของ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย กับทนายตั้มในเรือนจำเป็นที่เรียบร้อย
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่มีการแจ้งข้อหากับนายษิทรา ทั้งหมดรวมแล้ว 7 ข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการร่วมกันฉ้อโกง, ร่วมกันนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ, ร่วมกันแจ้งความเท็จ , ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบฟอกเงิน โดยคดีทั้งหมดมีความเกี่ยวข้องกับกรณีเงิน 71 ล้านบาท, ส่วนต่างค่าออกแบบ 5.5 ล้านบาท, ค่ารถเบนซ์หรู 1.5 ล้านบาท และเงิน 39 ล้านบาท ซึ่งขณะที่ไปแจ้งข้อหาเพิ่มเติม นายษิทราให้การปฏิเสธ และมีการกล่าวอ้างว่ามีพยานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งตรงนี้ก็อยู่ในขั้นตอนที่ทางตำรวจจะต้องดำเนินการต่อ
นอกจากนี้ก็เตรียมเข้าแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับนายนุวัฒน์ ยงยุทธ หรือนุ และน.ส.สารินี นุชนารถ หรือสา
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้อายัดเงินในบัญชีของนายษิทรา 28 ล้านบาท โดยเป็นเงินที่เชื่อมโยงถึงเงิน 71 ล้านบาทจากเจ๊อ้อย รวมถึงมีการยึดรถหรูปอร์เช่ของนายษิทรา และนายนุวัฒน์ ยงยุทธ หรือนุ และยึดรถเบนซ์ของน.ส.สารินี นุชนารถ หรือสา รวมทั้งยังมีแจ้งรายงานทรัพย์สินเป็นรถ 4 คัน และบ้านกับที่ดินรวม 8 รายการ ของนายษิทราไปยังหน่วยงาน ปปง. แล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดคดีนี้ถึงเป็นคดีนอกราชอาณาจักร พล.ต.ต.มนตรี กล่าวว่า เพราะมีพฤติการณ์กระทำผิดส่วนหนึ่งส่วนใดที่อยู่นอกราชอาณาจักร ในเรื่องการหลอกลวงหรือการส่งเอกสารต่างๆ ที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร โดย บช.ก.ได้มีการแจ้งกับทางอัยการสูงสุดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในการสืบสวนสอบสวน ตำรวจทำทุกมิติ โดยตอนนี้มีความคืบหน้ากว่า 80 เปอร์เซ็นต์ และอยู่ในระหว่างเก็บรายละเอียดรวบรวมข้อมูลทางคดี คาดว่าใช้เวลาอีกไม่นาน และอาจจะมีการดำเนินคดีกับคนอื่นเพิ่มเติม แต่ในส่วนเรื่องพินัยกรรมของเจ๊อ้อย ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษในประเด็นนี้ และสำหรับคดีนี้จะเร่งรัดการสรุปสำนวนคดีให้ทันในฝาก 3 แต่หากไม่ทันก็จะอยู่ในประมาณฝาก 4
ส่วนคดีของ นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือฟิล์ม ได้มีการออกหมายเรียกไปแล้ว และได้มีการนัดหมายไปแล้วในวันที่ 6 ธ.ค. แต่ถ้านายรัฐภูมิจะเข้ามาพบหรือให้การก่อนก็สามารถทำได้ แม้นอกเวลาราชการ ซึ่งเมื่อสัปดาห์ก่อน ทนายความของนายรัฐภูมิ ได้มีการมาลงบันทึกประจำวันไว้ที่ บช.ก. เป็นหลักฐานว่า ไม่ได้หลบหนีมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง และพร้อมที่จะมาพบพนักงานสอบสวน แต่หลังจากที่ตำรวจออกหมายเรียกไป เท่าที่ตนทราบยังไม่มีการติดต่อเข้ามา
ส่วนหมายเรียกเจ้าหน้าที่ได้จัดส่งตามภูมิลำเนา ซึ่งการจะอ้างว่าไม่ได้อยู่ในพื้นที่ภูมิลำเนาก็เป็นสิทธิ์ของตัวนายรัฐภูมิ ส่วนกรอบระยะเวลาในการพิจารณาออกหมายเรียกครั้งที่ 2 นั้น ก็ยังไม่ได้พิจารณาขอให้เสร็จสิ้นกระบวนการหมายเรียกครั้งที่ 1 ก่อน
ทั้งนี้ จากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ก็มีการร้องทุกข์กล่าวโทษในเรื่องความผิดพยายามกรรโชกทรัพย์ และอยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ การออกหมายเรียกแสดงว่าคดีนี้มีมูล จึงได้ออกหมายเรียกให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา ส่วนคดีของนายภูดิท กำเนิดพลอย หรือหนุ่ม กรรชัย เป็นอีกคดีหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องของการหมิ่นประมาท ไม่ได้รวมเป็นสำนวนเดียวกัน
เมื่อถามว่า จะตั้งประเด็นอะไรในการสอบปากคำนายรัฐภูมิ เป็นพิเศษหรือไม่ พล.ต.ต.มนตรี ระบุว่า ตอนนี้ยังไม่มี ขอทำไปตามรูปคดี
ส่วนจะต้องระมัดระวังการเดินทางออกนอกประเทศหรือไม่ พล.ต.ต.มนตรี กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีอำนาจควบคุมอะไร ส่วนเรื่องการติดตามเฝ้าระวังก็เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นปกติอยู่แล้ว
สำหรับคดีของ นายสามารถ เจนชัยจิตรวานิช อดีตนักการเมือง โดยเมื่อวันที่ 28 พ.ย. ที่ผ่านมา มีผู้เสียหายได้แจ้งความร้องทุกข์ข้อหากรรโชกทรัพย์อีก 1 ราย ที่ถูกเรียกรับทรัพย์เดือนละ 30,000 บาท รวมแล้วประมาณ 5 แสนบาท ในตอนนี้อยู่ในขั้นตอนที่รวบรวมพยานหลักฐานอยู่
เมื่อถามว่าต้องมีการไปสอบปากคำเพิ่มเติมกับนายสามารถในเรือนจำหรือไม่ พล.ต.ต.มนตรี กล่าวว่า ยังไม่ถึงขั้นตอนนั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่รวบรวมพยานหลักฐานก่อนหากมีพยานหลักฐานตามสมควรก็จะมีการแจ้งข้อหาหรือสืบสวนตามขั้นตอนต่อไป โดยขณะนี้เท่าที่ทราบยังไม่มีผู้เสียหายของนายสามารถมาแจ้งความเพิ่มเติม