‘พิธา’ มองรัฐขายที่ดินให้ต่างชาติแบบโบราณ ‘สุพัฒนพงษ์’ ยันรัฐบาลรอบคอบแล้ว
วันนี้ (3 พ.ย. 65) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 2 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามเรื่องการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าว ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย โดยระบุว่า เป็นนโยบายที่ผิดทิศทาง เพราะเป็นการซ้ำเติมความเหลื่อมล้ำทางที่ดินในประเทศยิ่งขึ้น
นายพิธา อภิปรายว่า ประชาชนสับสนกับเป้าหมายที่ชัดเจนของการแก้กฎกระทรวง เพราะเมื่อ 15 ก.ค. 65 รัฐบาลแจ้งว่ามีเป้าหมายเพื่อดึงดูดชาวต่างชาติ 1 ล้านคน แต่ในวันที่ 28 ต.ค. 65 มีชาวต่างชาติมาใช้สิทธิจริงเพียง 8 คนเท่านั้น อีกทั้งลักษณะของนโยบายแทบไม่เปลี่ยนแปลงเลยตลอด 20 ปี แล้วจะทำอย่างไรให้บรรลุถึงเป้าหมายของนโยบายได้
ทั้งนี้ นายพิธา ยังถามต่อไปถึงรายละเอียดว่าได้คำนึงถึงเรื่องการฟอกเงิน การซื้อที่ดินเพื่อเก็งกำไรต่อ ต่างชาติซื้อที่พักและปล่อยเช่าให้คนไทย รวมไปถึงหากกระทำผิดเงื่อนไข รัฐบาลมีมาตรการรองรับข้อเสียเหล่านี้หรือไม่ ปัญหาเหล่านี้เคยเกิดขึ้นแล้วในต่างประเทศเช่นในสหราชอาณาจักร ที่นโยบายลักษณะนี้ทำให้ความเหลื่อมล้ำของอสังหาริมทรัพย์สูงขึ้น กระทั่งปัญหาบ้านรังนกในฮ่องกง
“ผมไม่เชื่อในการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบนี้ เป็นสิ่งที่โบราณทำมา 40-50 ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 จะมาลงทุนในประเทศไหน ต้องดูเศรษฐกิจฐานราก มีกำลังซื้อหรือไม่ ต้องดูว่าปลอดภัยหรือไม่ หรือความเหลื่อมล้ำสูงมีปัญหายาเสพติดเต็มไปหมด ต้องดูว่าประชากรสามารถพูดภาษาอังกฤษสื่อสารกับเขาได้ มีการศึกษาที่เท่าเทียม ทำให้คนเป็นพลเมืองโลกได้ สิ่งที่ท่านกำลังจะทำเป็นทางลัด ซึ่งโบราณมาก” นายพิธา กล่าว
นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นตัวแทนนายกรัฐมนตรีตอบกระทู้ ชี้แจงว่า สมาชิกฯ ทุกคนคงอยากเห็นประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคใหม่ ซึ่งรัฐบาลก็ได้พยายามผลักดันและดึงดูดการลงทุนเข้าสู่ประเทศไทย และได้มีความคืบหน้า ที่สำคัญเราต้องการคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถเข้ามาอาศัยและร่วมกันพัฒนาประเทศไทยในระยะยาว นำมาสู่มาตรการในกฎกระทรวงนี้
เป้าหมายของการดึงชาวต่างชาติมาอาศัยในระยะยาว เรื่องที่ดินถือเป็นส่วนเสริมสำหร้บผู้ที่มีความประสงค์และความรักจะอาศัยอยู่ในประเทศไทยอย่างยั่งยืน การอยู่อาศัยไม่ได้จำกัดว่าต้องซื้อที่ดินเท่านั้น แต่มีสิทธิทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการอาศัยในห้องชุดหรือคอนโดมีเนียม ส่วนข้อบังคับปลีกย่อยยังมีอีกมากในการกำหนดคุณสมบัติ หากผิดข้อบังคับจะถูกเพิกถอนสิทธิทันที
“เราคาดเดาไม่ได้หรอกว่าผู้ที่เข้ามาจะอยู่อาศัยแบบใด เราต้องการให้เขามาอยู่ระยะยาวอย่างสะดวก ต่างประเทศเขาสะดวกกว่าเราแล้ว เราจึงหาช่องทางให้เขามาอยู่ระยะยาวสะดวกมากขึ้น ทุก 90 วันไม่ต้องไปรายงานตัว วีซา 5 ปี ต่อได้อีก 5 ปี เอาหลักตรงนี้ก่อน แค่ตรงนี้เราได้ 1 ล้านคน คนเหล่านี้จะมาใช้จ่ายในเมืองไทย คร่าวๆ 1 แสนบาทต่อเดือน เราก็จะมีเงินหมุนเวียนอยู่ในประเทศไทย 1 ล้านล้านบาทแล้ว”
นายสุพัฒนพงษ์ ย้ำว่า สำหรับความกังวลในเรื่องข้อเสียต่างๆ ประเทศไทยเข้มงวดกับการถือครองที่ดินมากกว่าอังกฤษ ห้ามกระทำการสร้างแฟลตให้คนอื่นเช่า เป็นเรื่องง่ายที่จะเพิกถอนสิทธิ แม้จะไม่สมบูรณ์แต่จะปรับแก้ต่อไป อีกทั้งยังมีการติดตามคุณสมบัติไม่ให้ขัดต่อกฎหมาย ขอให้เกิดความมั่นใจว่ารัฐบาลได้กระทำอย่างรอบคอบแล้ว
“ท่านต้องเชื่อในประเทศไทย ว่าเราสามารถดึงดูดการลงทุนและอุตสาหกรรมใหม่เข้ามาในประเทศ ท่านบอกว่าวิธีการนี้เก่าและโบราณ ท่านต้องทบทวน มีคนอีกหลายล้านคนในต่างประเทศที่มองว่าประเทศไทยเป็นเมืองน่าอยู่อาศัย อย่ามองประเทศไทยในเชิงลบมากจนเกินไป ทุกประเทศล้วนแต่มีป้ญหา เราต้องยืนหยัดและเขื่อมั่นว่าทุกวันนี้มีกระแสของการย้ายฐาน ฟื้นฟู เติบโต ประเทศไทยก็เป็นหนี่งในที่จะได้รับโอกาสเป็นฐานการลงทุนใหม่ๆ” นายสุพัฒนพงษ์ เน้นย้ำ