พล.อ.ประวิตร ติดตามสถานการณ์น้ำภาคกลาง จ.ชัยนาท
พล.อ.ประวิตร ติดตามสถานการณ์น้ำภาคกลาง จ.ชัยนาท ประชาชนหอมแก้ม-เชียร์เป็นผู้นำประเทศ ขอบคุณ สทนช.-กรมชลฯ ระบายน้ำดี มิเช่นนั้นจะไม่ต่างจากปี 2554
วันนี้ (3 ต.ค. 65) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำและติดตามการดำเนินการโครงการด้านทรัพยากรน้ำ ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ที่จังหวัดชัยนาท จังหวัดอ่างทอง และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เวลา 11:07 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางถึง สำนักงานชลประทานที่ 12 อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ประชุมติดตามสถานการณ์น้ำโดยมี นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลฯ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คลัง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม และ นายอนุชา นาคาศัย รมว.สำนักนายกรัฐมนตรี ส.ส.จังหวัดชัยนาท พรรคพลังประชารัฐ นายวิรัช รัตนเศรษฐ สมาชิกพรรคพลังประรัฐ ร่วมติดตามลงพื้นที่ด้วย โดยมีประชาชนชาวจังหวัดชัยนาทประมาณ 200 คนร่วมต้อนรับและให้กำลังใจ นำพวงมาลัยผ้าขาวม้า ผ้าขาวม้าผูกเอว และเขียนป้ายให้กำลังใจพล.อ.ประวิตร
โดยเมื่อเดินทางมาถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้พบปะพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดชัยนาทที่มารอต้อนรับ พร้อมนำผ้าขาวม้าผูกที่เอวและพวงมาลัยผ้าขาวม้ามาคล้องที่ข้อมือของพลเอกประวิตร และบอกว่าขอหอมแก้มหน่อยได้ไหม ก่อนจะมีประชาชนหอมแก้ม พล.อ.ประวิตร จำนวน 2 คน ขอให้พลเอกประวิตรมีสุขภาพที่แข็งแรง และในระหว่างนั้นคุณลุงท่านหนึ่งตะโกนขึ้นมาว่า “อยากให้พลเอกประวิตรเป็นผู้นำประเทศ” พลเอกประวิตรยิ้มหัวเราะ พร้อมได้กล่าวขอบคุณประชาชนทุกคนก่อนจะเดินทางเข้าเป็นประธานการประชุมต่อไป
ผู้สื่อข่าวถาม พล.อ.ประวิตร ว่า ต้องมีการกำชับเรื่องใดเป็นพิเศษเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ตอบว่า “ยังไม่ได้ดูอะไรเลย”
ขณะที่ประชาชนที่มารอให้การต้อนรับส่วนหนึ่งมีการเรียกร้องมีการเรียกร้องกับนายอนุชา นาคาศัยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รับฟังถึงปัญหาการที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมเกี่ยวกับสวัสดิการการลงทะเบียนแก้จน โดยชาวบ้านบางส่วนระบุว่า สิทธิ์ยังไม่ครอบคลุม อยากให้รัฐบาลเข้าไปดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจัง เนื่องจากตอนนี้หลายคนเป็นผู้สูงอายุและไม่มีรายได้อะไรเลย
พล.อ.ประวิตร เป็นประธานในการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำ กล่าว ขอบคุณเเละชื่นชม สทนช. และกรมชลประทาน ที่ช่วยในการพร่องนำ้ ระบายนำ้ เป็นอย่างดี รวมถึงหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง มิเช่นนั้นเราจะประสบปัญหาไม่ต่างจากปี 2554
