‘ทสท.’ จี้ รัฐหยุดเอื้อเอกชน แทรกแซงกิจการรัฐวิสาหกิจ ปล่อยเอทิลแอลกอฮอล์ สารตั้งต้นผลิตสุราหลุดการควบคุม

‘ไทยสร้างไทย’ หนุนข้อเรียกร้อง ‘สหภาพแรงงานองค์การสุรา’ จี้รัฐหยุดเอื้อเอกชน แทรกแซงกิจการรัฐวิสาหกิจ ปล่อยเอทิลแอลกอฮอล์ สารตั้งต้นผลิตสุราหลุดการควบคุม กระทบความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตประชาชน ทำรัฐสูญรายได้หลายร้อยล้านต่อปี

นายรัตนมงคล เลิศทวีวิทย์ และ นายนรุตม์ชัย บุนนาค รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย ลงพื้นที่รับฟังข้อเรียกร้องจากตัวแทนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การสุราถึงปัญหาการบริหารจัดการนโยบายภาครัฐ ซึ่งส่อจะมีการเอื้อนายทุน ทำให้เอทิลแอลกอฮอล์ที่อยู่ในการควบคุมขององค์การสุรา กรมสรรพสามิตกระทรวงการคลัง หลุดจากการควบคุมของรัฐ ทำให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้อย่างเสรี กระทบความปลอดภัย เพราะสามารถนำเอทิลแอลกอฮอล์ไปใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตสุราเถื่อนได้

“หลุดจากการควบคุมของกรมสรรพสามิต สามารถจำหน่ายและโฆษณาได้อย่างเสรี เช่นเดียวกับอาหารทั่วไป ถึงถูกนำมาวางจำหน่ายผ่านร้านค้าทั่วไป ร้านค้าออนไลน์ประชาชนสามารถซื้อหาได้อย่างเสรี โดยนำมาผสมกับน้ำ หรือของเหลวอย่างอื่นเพื่อดื่มกิน เช่นเดียวกับสุราที่ออกฤทธิ์มึนเมาได้” นายรัตนมงคล กล่าว

นายรัตนมงคล กล่าวว่า กระบวนการที่เกิดขึ้นไม่ต่างจากการเลี่ยงภาษีของสินค้า ทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษีหลายร้อยล้านบาทต่อปี สร้างความเสียหายอย่างร้ายแรง และที่สำคัญคือผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชน เช่น เหตุการณ์ของคลัสเตอร์เหล้าเถื่อน ซึ่งมีการนำเอทิลแอลกอฮอล์ 95 ดีกรี มาผสมน้ำเพื่อเจือจางให้เหลือ 35 ดีกรี จนเป็นเหตุโศกนาฏกรรมที่มีทั้งผู้เสียชีวิต และผู้ที่ได้รับสารพิษสาหัสต้องรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลจำนวนมาก

ทั้งนี้ จึงขอสนับสนุนข้อเรียกร้อง ของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การสุรา ซึ่งร้องเรียนต่อเนื่องมากว่า 3 ปี เพื่อสื่อสารไปถึง นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผู้ตรวจการแผ่นดิน หรือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ร่วมกันปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รักษาผลประโยชน์ของรัฐ และร้องขอให้กรมสรรพสามิตตีความสินค้าที่ชื่อว่าวัตถุเจือปนอาหาร ซึ่งมีสภาพเป็นเอทิลแอลกอฮอล์ 95 ดีกรี ให้กลับมาเป็นสินค้าในพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต

นอกจากนี้ ขอให้รัฐบาลโดยกรมสรรพสามิต ยุตินโยบายที่เปรียบเสมือนเป็นการเอื้อนายทุน เปิดช่องให้เกิดการแทรกแซงการประกอบกิจการของรัฐวิสาหกิจ และปล่อยให้สินค้าเอทิลแอลกอฮอล์ซึ่งเป็นสารตั้งต้นสำคัญในการผลิตสุรา หลุดจากการควบคุมของรัฐ ซึ่งส่งผลกระทบร้ายแรงต่อความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยตรง