รมว.ยุติธรรม เร่งแก้ปัญหาพืชกระท่อม ติดระเบียบ อย. แปรรูปไม่ได้
วันนี้ (3 ก.ย. 65) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเร่งรัดแก้ไขปัญหาการไม่สามารถใช้ประโยชน์จากพืชกระท่อม เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์สมุนไพร ยา อาหาร และเครื่องสำอาง โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ที่กระทรวงยุติธรรม
สืบเนื่องจากระหว่างลงพื้นที่ ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ประกอบการจำนวนมาก ว่า ไม่สามารถนำพืชกระท่อมมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้ เพราะติดระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ทำให้เกิดข้อเปรียบเทียบระหว่างกัญชากับกระท่อม ที่ขณะนี้ กัญชาซึ่งมาทีหลัง สามารถแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้จำนวนมาก ทำให้ผู้ประกอบการเกิดความสับสน จากการไม่สามารถต่อยอดพืชกระท่อมได้
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จากที่ตนดูปัญหาการขอขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์สมุนไพร ยา อาหาร และเครื่องสำอาง ที่ผลิตจากพืชกระท่อม ซึ่งต้องขออนุญาตจาก อย. ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขนั้น พบว่า มีขั้นตอนการขอจำนวนมาก เพราะมีเอกสารกว่า 55 รายการ ต้องใช้เวลานานในการทำข้อมูล เป็นภาระกับผู้ประกอบการ และไม่ได้มุ่งเน้นช่วยเกษตรกร รวมถึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ทำไมกระท่อมจึงถูกจัดอยู่ในหมวดอาหารใหม่ที่ต้องมีเรื่องเอกสารจำนวนมาก ในขณะที่กัญชาซึ่งมาทีหลัง ไม่ได้ถูกจัดให้อยู่ในหมวดอาหารใหม่ด้วย
“เราต้องช่วยกันทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพราะไม่เช่นนั้น สังคมจะเกิดคำถามตามมาว่า ทำไมกัญชาไม่ต้องเป็นอาหารใหม่ที่ต้องใช้เอกสารจำนวนมากในการขออนุญาต ทั้งที่มาทีหลังกระท่อม ที่มีข้อมูลอยู่แล้ว เราต้องทำความชัดเจนให้สังคมรับรู้ จะได้ไม่เกิดข้อสงสัย เพราะประชาชนคงจะตั้งคำถามมากว่า ชาวใต้กินกระท่อมมาหลายสิบปี ไม่มีใครเจ็บป่วยล้มตาย ทำไมถึงบอกไม่มีข้อมูล ผมขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งหาข้อสรุปภายใน 7 วัน เพื่อสร้างความชัดเจนให้กับประชาชน และหากทำได้เร็ว เราก็จะมีโอกาสแย่งชิงตลาดแปรรูปกระท่อมได้ทัน จึงขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันสนับสนุนข้อมูลกันอย่างเต็มที่” รมว.ยุติธรรม กล่าว
ด้าน เภสัชกร วราวุธ เสริมสินสิริ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า อย. ชั่งน้ำหนักระหว่างความปลอดภัยกับสนับสนุนผู้ประกอบการ ต้องเอากลางๆ โดยหลักเกณฑ์ที่นำมาใช้ ขอยืนยันว่า ไม่ได้คิดเอง เป็นไปตามหลักเกณฑ์อาเซียนที่ใช้กับทุกสมุนไพรโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ ส่วนกระท่อม ที่เกิดข้อสงสัยในขั้นตอนการขออนุญาตนั้น เป็นเพราะกระท่อม เราไม่เคยกินใบ มีแค่การเคี้ยวเท่านั้น แต่การจะทำเป็นผลิตภัณฑ์ ต้องมีการบดแปรรูปแล้วกินเข้าไป ทำให้ อย. ต้องประเมินถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ เนื่องจากเรายังไม่มีข้อมูลทั้งหมด จึงมองว่า อาหารและเครื่องสำอางที่ผลิตจากกระท่อมเป็นของใหม่ ดังนั้น ต้องใช้หลักฐานจำนวนมากในการขออนุญาต
“ปัญหาหนักตอนนี้คือเรื่องข้อมูล ดังนั้น ต้องช่วยกันรวบรวมข้อมูล โดยตั้งทีมขึ้นมาสืบค้นของทั้งไทยและต่างประเทศ เพื่อที่จะได้มีข้อมูลที่มากพอ ส่วนข้อเสนอให้ผ่อนปรนหลักเกณฑ์เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถขับเคลื่อนพืชกระท่อมได้นั้น ขอยืนยันว่า เราไม่อยากพาประชาชนไปเสี่ยง เราต้องช่วยกันพาผู้ประกอบการให้ไปถึงเกณฑ์ เพราะถ้าผ่านเรื่องความปลอดภัยไปได้ ก็จะสามารถมีผลิตภัณฑ์ออกมาได้จำนวนมากแบบปลอดภัย” เภสัชกร วราวุธ กล่าว