POLITICS

รองโฆษกรัฐบาล แจงแผนแก้ปัญหาเด็กขาดสารอาหารจังหวัดชายแดนใต้

วันนี้ (3 ก.ย. 65) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการผู้แทนพิเศษของรัฐบาล เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่ร่วมกับ พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านพิเทน ต.พิเทน อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี เพื่อพบปะ เยี่ยมเยียนแพทย์ พยาบาล และประชาชน รวมถึงได้ติดตามการดำเนินงานแก้ปัญหาสุขภาวะและโภชนาการต่ำในเด็กเล็ก ซึ่งเป็นปัญหาที่พบมากและรุนแรงกว่าในจังหวัดอื่นๆ จากสาเหตุครอบครัวมีรายได้น้อย มีลูกหลายคน ผู้ปกครองไม่มีเวลาดูแลบุตรหลาน จนกระทบต่อการเจริญเติบโตทั้งทางร่างกายและสมอง

ดังนั้น รัฐบาลจึงให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหานี้ เพราะถือเป็นกระดุมเม็ดแรกที่ต้องได้รับการแก้ไข เพื่อลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลได้เดินหน้าแก้ปัญหาการขาดสารอาหารในเด็กเล็กมาอย่างต่อเนื่อง โดยช่วง 2 ปี ที่ผ่านมา ศอ.บต.ได้ปรับแผนการดำเนินงานและบูรณาการกับหลายหน่วยงานมากขึ้น เพื่อช่วยเหลือเด็กเล็ก 2 กลุ่มในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีกว่า 46,819 คน ได้แก่ กลุ่มเด็กแรกเกิด – อายุก่อนครบ 2 ปี โดยจัดเงินช่วยเหลือค่าเลี้ยงดูรายเดือน คนละ 400 บาท และกลุ่มเด็กอายุครบ 2 ปี – ก่อนครบ 6 ปี โดยจัดเงินช่วยเหลือค่าอาหารรายเดือน คนละ 300 บาท รวมวงเงินประมาณ 497 ล้านบาท

ระยะต่อไป ศอ.บต. จะปรับแผนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยจะเน้นการสนับสนุนด้านโภชนาการ ให้หน่วยงานระดับชุมชนใกล้ชิดเด็กเล็กมากที่สุด และจะดูแลเรื่องการจัดหาวิตามินรวม MTV (Multivitamin) การจัดสรรเครื่องมืออุปกรณ์ในการติดตามพัฒนาการของเด็กตามเกณฑ์ วัดผลด้านโภชนาการ ตลอดจนสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรในการปฏิบัติงานในชุมชน/หมู่บ้าน และจะส่งเสริมทักษะการใช้ภาษาไทยควบคู่ไปด้วย เพื่อให้เด็กเล็กสามารถเข้าถึงและใช้ภาษาไทยในการสื่อสาร ตลอดจนสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างเหมาะสม โดยในวันที่ 7 – 8 กันยายนนี้ จะมีการประชุมหาแนวทางขับเคลื่อนและพิจารณาโครงการตามงบประมาณ 500 ล้านบาท

นางสาวรัชดา ยังกล่าวว่า นอกจากจัดสรรงบประมาณเพื่อดูแลเรื่องอาหารแก่เด็กเล็กแล้ว รัฐบาลยังขับเคลื่อนการแก้ปัญหาสุขภาวะเด็กเล็กทั้งระบบ ให้ความสำคัญกับการป้องกัน เน้นการให้ความรู้เรื่องการวางแผนครอบครัวและการดูแลครรภ์ และการดูแลแม่ขณะตั้งครรภ์ รวมถึงการสร้างงานสร้างอาชีพให้กับครอบครัว ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้เดินหน้าเรื่องการแก้ปัญหาความยากจน ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก โดยเฉพาะกลุ่มสตรี เพราะเมื่อครอบครัวมีรายได้ที่มั่นคง ลูกหลานก็จะได้กินอิ่ม และต้องเป็นอิ่มที่มีคุณภาพด้วย

Related Posts

Send this to a friend