POLITICS

‘ฐากร’ ชี้ รัฐบาล จัดงบปี 67 แบบ “3 ขาด 3 เกิน 1 พอได้” อาจเพิ่มความเหลื่อมล้ำด้านโอกาส

‘ฐากร’ ชี้ รัฐบาล จัดงบปี 67 แบบ “3 ขาด 3 เกิน 1 พอได้” อาจเพิ่มความเหลื่อมล้ำด้านโอกาส หวัง ปรับเปลี่ยนตัวเลขในชั้น กมธ. เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน

วันนี้ (3 ม.ค. 67) ที่อาคารรัฐสภา นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย อภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ว่า กุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่การทำให้งบประมาณมีประสิทธิภาพสูงสุดคือ การจัดเรียงลำดับแผนยุทธศาสตร์โครงการ ให้เป็นไปตามความจำเป็นเร่งด่วน โดยงบลงทุนปี 2567 อาจยังไม่เพียงพอที่จะนำไปสู่การพัฒนาคนการพัฒนาประเทศ พร้อมสอบถามนายกรัฐมนตรีว่า งบลงทุนใหม่ที่รัฐบาลได้จัดในปี 2567 นั้น แท้จริงแล้วเท่าใด บางส่วนเกิดขึ้นต่อเนื่องมาจากรัฐบาลที่แล้วหรือไม่ เพื่อนำมาพิจารณาว่า ในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จะสามารถขับเคลื่อนนโยบายได้จริงหรือไม่

นายฐากร กล่าวต่อว่า งบรัฐบาลจัดงบในปี 2567 เป็นงบแบบ 3 ขาด เพราะรัฐไม่ได้ให้ความสำคัญกับการลงทุนใหม่ เช่น งบของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่จะนำมาดูแลผู้สูงอายุซึ่งประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยแบบเต็มขั้น โดยเป็นงบประมาณรวม กว่า 25,000 ล้านบาท แต่พบว่าเป็นงบลงทุนเพียง 1,900 ล้านบาทเท่านั้น หรือเพียง 7.79% เท่านั้น เช่นเดียวกับกระทรวงศึกษาธิการ งบประมาณรวมกว่า 320,000 ล้านบาท แต่พบว่าเป็นงบลงทุนเพียงกว่า 13,000 ล้านบาทเท่านั้น หรือคิดเป็น 4.12 % ทั้งที่เราควรมุ่งเน้น การแก้ไขปัญหาด้านการศึกษาของประเทศไทยให้มากกว่านี้ โดยเฉพาะผลการทดสอบคะแนน Pisa ของไทยตกต่ำลงมาต่อเนื่อง จนอยู่ในระดับท้าย ๆ ของอาเซียน และงบกระทรวงสาธารณสุข ที่เป็นงบลงทุนเพียงกว่า 13,000 ล้านบาท หรือ 8.43 เท่านั้น

นายฐากร กล่าวอีกว่า บางกระทรวงที่สำคัญต่อการพัฒนาคนได้งบประมาณลงทุนน้อยนิด แต่กลับมีบางกระทรวงที่ได้งบส่วนเกิน 3 เกิน ประกอบด้วยงบของกระทรวงคมนาคม เป็นงบลงทุน กว่า 170,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 93.63% ของบประมาณที่ได้รับ และไม่ต่างจากงบของกระทรวงมหาดไทยของพรรคร่วมรัฐบาล พบเป็นงบลงทุนกว่า 110,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 32.88% ของงบประมาณที่ได้รับ

ส่วนงบกระทรวงกลาโหม นายฐากร ระบุว่า เป็นงบลงทุนกว่า 45,000 ล้านบาทหรือคิดเป็น 22.92% ของงบประมาณที่ได้รับ จึงเห็นว่างบส่วนใดที่สามารถชะลอได้ ควรขยายเวลาในการดำเนินการออกไป เพื่อนำเงินส่วนดังกล่าว มาใช้ตอบสนองนโยบายของรัฐบาลอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์สูงสุดและมีประสิทธิภาพต่อประชาชนก่อน

ส่วน 1 พอได้ถืองบของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นงบลงทุนกว่า 84,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 71.32% ของงบประมาณที่ได้รับ โดยในส่วนของงบดังกล่าว ขอให้งบที่ลงไปในแต่ละจังหวัดเกิดความเป็นธรรม และรัฐบาลควรออกมาชี้แจง เกณฑ์การจัดสรรงบประมาณเพื่อให้เกิดความโปร่งใส เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องเกษตรกรทุกภาคส่วนของประเทศอย่างแท้จริง

นายฐากร กล่าวสรุปว่า 3 ขาด 3 เกิน 1 พอได้ จะสร้างความเหลื่อมล้ำด้านโอกาส ทำให้สังคมแตกต่างกันมากยิ่งขึ้น เพราะขาดการพัฒนามนุษย์ขาดการพัฒนาด้านการศึกษา งบประมาณมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านวัตถุ จะทำอย่างไรเพื่อให้พี่น้องประชาชนมีรายได้อย่างมั่นคง อยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรีมีคุณภาพชีวิตที่ดี จึงขอให้นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล มีการปรับเปลี่ยนในชั้นกรรมาธิการ เพื่อให้การใช้งบประมาณมีประสิทธิภาพ มีประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน

Related Posts

Send this to a friend