ศบศ.เห็นชอบ คนละครึ่งเฟส 2 วงเงินคนละ 3,500 บาท ล็อตแรกได้เงินเพิ่มอีก 500 บาท ขยายสิทธิ์ ‘เราเที่ยวด้วยกัน’ จากคนละ 10 เป็น 15 คืน ถึงสิ้นเดือน เม.ย.64
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พร้อมนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงภายหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ( ศบศ.) ครั้งที่ 6/2563 ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง ระบุว่าที่ประชุมวันนี้ ได้เห็นชอบมาตรการคนละครึ่งระยะที่ 2 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยจะเปิดรับลงทะเบียนผู้ใช้สิทธิ์เพิ่มอีก 5 ล้านคน จำนวน 3 เดือน ตั้งแต่เดือน ม.ค.-มี.ค. 2564 วงเงินคนละ 3,500 บาท ส่วนผู้ได้รับสิทธิ์ในเฟสแรก 10 ล้านคน จะขยายวงเงินเพิ่มอีก 500 บาท กำหนดใช้ 3 เดือนเช่นเดียวกัน ทั้งนี้จะเร่งเสนอต่อคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินกู้พิจารณาก่อนนำเสนอเข้าที่ประชุมครม. เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน ส่วนเมื่อถามว่ากรณีผู้ไก้รับสิทธิ์เฟสแรกจะต้องใช้วงเงินเดิมให้หมดในเดือน ธ.ค.หรือไม่นั้น นายพรชัย กล่าวว่ารายละเอียดต่างๆ ขอให้รอการพิจารณาของครม. เพื่อให้เกิดความชัดเจน
นอกจากนี้ที่ประชุมศบศ. ยังได้อนุมัติช่วยเหลือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐต่อเนื่องอีกคนละ 500 บาท ตั้งแต่เดือน ม.ค.-มี.ค. 2564
ด้าน นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)กล่าวว่าที่ประชุมศบศ.ได้เห็นมาตรการส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว โดยได้ขยายสิทธิ์โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” จากเดิม 10 เพิ่มเป็น 15 คืน / จำนวนห้องพักจาก 5 ล้านคืนเป็น 6 ล้านคืน ทั้งนี้ได้ปรับเวลาการลงทะเบียนใช้สิทธิ์จาก 6 โมง-3ทุ่ม เป็น 6 โมง – เที่ยงคืน ขณะที่ระยะเวล่โครงการ จากเดิมสิ้นเดือน ม.ค. จะต่อเนื่องไปจนถึงเดือน เม.ย.2564
นอกจากนี้ที่ประชุมศบศ. ยังเห็นชอบหลักการโครงการส่งเสริมท่องเที่ยวกลุ่มผู้สูงอายุ กับแพ็คเก็จ “เที่ยวไทยวัยเก๋า” ซึ่งมีรูปแบบ และแพลตฟอร์ม จะคล้ายกับโครงการกำลังใจ โดยหลักเกณ์จะต้องเป็นผู้มีอายุ 55 ปีขึ้นไป และเป็นการเดินทางข้ามจังหวัดในวันธรรมดา อาทิตย์-พฤหัสบดี ผ่านบริษัทนำเที่ยว มีค่าใช้จ่ายต่อโปรแกรมเที่ยว 12,500 บาท/คน ระยะเดินทาง 3 วัน 2 คืน แต่ต้องแสดงตนผ่านแอพลิเคชั่นก่อนใช้สิทธิ์ ทั้งนี้ตั้งเป้าจะมีผู้ใช้สิทธิ์โครงการนี้ 1 ล้านคน ในระยะเวลา 3 เดือน คาดว่าจะใช้งบประมาณดำเนินการ 5 พันล้านบาท ซึ่งจะเสนอต่อที่ปนะชุมครม.พิจารณาตามขั้นตอนต่อไป
