‘นันทนา‘ ชี้ ตรวจสอบจริยธรรม ควรมีสัดส่วนที่เหมาะสมกับโทษ
‘นันทนา‘ ชี้ ตรวจสอบจริยธรรม ควรมีสัดส่วนที่เหมาะสมกับโทษ ไม่ใช่การตรวจสอบภูมิหลังเพียงอย่างเดียว ไม่เช่นนั้น คนจะดำรงตำแหน่งต้องฟูมฟักตั้งแต่เกิด เสนอยกร่างรัฐธรรมนูญ ตัดอำนาจองค์กรอิสระ ให้เกิดการคานอำนาจ 3 ฝ่าย
วันนี้ (2 ก.ย. 67) ที่อาคารรัฐสภา น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ออกมาบอกว่า 11 รัฐมนตรีในรัฐบาลของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร มีชนักปักหลังเรื่องจริยธรรม จะส่งผลต่อการตั้ง ครม. ให้ล่าช้าหรือไม่ ว่า ในเรื่องการตรวจสอบคุณสมบัติของคนที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เป็นเรื่องที่ต้องตรวจสอบกันอย่างเข้มข้น เพราะจากประสบการณ์เห็นว่าหากตั้งผิดพลาดไปเพียงคนเดียว อาจจะทำให้พ้นออกจากตำแหน่งทั้งคณะ จึงเป็นปัญหาในเชิงระบบโครงสร้าง ในการมีอำนาจขององค์กรอิสระที่ล้นเกิน และล้นมาจนถึงฝ่ายบริหารที่สามารถปลดผู้นำสูงสุดของประเทศได้ และเลยไปจนถึงฝ่ายนิติบัญญัติ
ฉะนั้น ทางแก้คือการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ให้มีการจำกัดขอบเขตขององค์กรอิสระไม่ให้มีอำนาจล้นเกิน และเรายังยึดหลักการคานอำนาจ ของฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ จะต้องมีการถ่วงดุลอำนาจซึ่งกันและกัน ไม่ให้มีหน่วยงานไหนเข้าไปมีอำนาจล้นเกินเกินกว่าเสาอื่นได้
น.ส.นันทนา ยอมรับว่าเรื่องตรวจสอบจริยธรรมเป็นเรื่องที่ลำบากทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ซึ่งการตรวจสอบดังกล่าว โทษจะต้องมีสัดส่วนที่เหมาะสม เพราะโทษของจริยธรรมอย่างร้ายแรงถึงขั้นตัดสิทธิ์ตลอดชีวิตนั้น จะต้องมาดูว่าได้สัดส่วนกับความผิดหรือไม่ เป็นสิ่งที่เราจะต้องหันกลับมาพิจารณากันว่า ลักษณะการตรวจสอบแบบนี้สามารถให้โทษที่เกินสัดส่วนกับความผิดที่ดำเนินการไปหรือไม่
อีกทั้ง ในเรื่องคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่ง ที่ยอมรับว่า เราก็อยากคนที่มีประวัติสะอาด ซื่อสัตย์สุจริต เป็นสิ่งที่คาดหวังว่าจะให้เกิดขึ้นไปพร้อมกับคุณสมบัติด้านอื่น เช่น ความรู้ความสามารถต่าง ๆ แต่ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องคุณสมบัติที่เป็นภูมิหลัง เอามาเป็นดัชนีชี้วัดในการดำรงตำแหน่งเพียงอย่างเดียว ไม่เช่นนั้นคนที่จะมาดำรงตำแหน่งในอนาคต จะต้องถูกฟูมฟักตั้งแต่เกิด ไม่ด่างพร้อยเสียหาย ถึงจะมาดำรงตำแหน่งได้ ซึ่งการลงโทษแบบนี้ไม่ได้สัดส่วนกับความเป็นจริง