‘ธนกร’ ไม่ติด ชื่อ ‘เศรษฐา’ หากประกาศจุดยืนชัดไม่แก้ ม.112
‘ธนกร’ ไม่ติด ชื่อ ‘เศรษฐา’ หากประกาศจุดยืนชัดไม่แก้ ม.112 เห็นด้วย ‘เพื่อไทย’ ลุยแก้ รัฐธรรมนูญแต่ควรแก้บางมาตรา คาดโหวต 4 ส.ค.ไร้ปัญหา ลั่น “ดูอะไรที่โง่ๆ มันจะทำให้โง่”
วันนี้ (2 ส.ค. 66) นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงท่าทีของพรรครวมไทยสร้างชาติ ภายหลังพรรคเพื่อไทยประกาศจัดตั้งรัฐบาล โดยกล่าวว่าตนเองไม่สามารถพูดได้ เป็นเรื่องของคณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งทางหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติได้มีการยืนยันอย่างชัดเจนมาโดยตลอด ว่าสามารถทำงานได้กับทุกพรรคการเมืองที่ยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก และต้องไม่มีนโยบายแก้กฎหมายอาญามาตรา 112
ส่วนเงื่อนไขของพรรครวมไทยสร้างชาติจะยังติดอยู่ที่มาตรา 112 หรือไม่ นายธนกรยอมรับว่ายังเป็นเงื่อนไขเดิม เพราะพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นพรรคเล็ก มี สส. 36 คน ไม่ว่าจะเป็นพรรคฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล คิดว่าเสียงทั้ง 36 นี้มีพลัง
ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดว่าวันโหวตนายกรัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติจะมีทิศทางการโหวตอย่างไร นายธนกร กล่าวว่าวันนี้จะมีการพูดคุยกัน และที่ตนเองเคยบอกว่าการเมืองเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมทุกอย่างก็จะจบ โดยวันนี้ประชาชนก็กำลังรอรัฐบาลใหม่ รัฐบาลปัจจุบันที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ตอนนี้ได้มีการเตรียมถ่ายโอนงานให้กับรัฐบาลใหม่แล้ว และหลายโครงการที่เป็นประโยชน์ ตนเองเชื่อว่ารัฐบาลใหม่จะทำต่อ ส่วนคิดว่า นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างไรนั้น นายธนกร กล่าวว่า หากนายเศรษฐา ยืนยันชัดเจนเกี่ยวกับการแก้มาตรา 112 ก็สามารถทำงานได้ เพราะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และเป็นนักธุรกิจด้วย ซึ่งตนเองไม่ได้มีปัญหาอะไร
เมื่อถามว่าก่อนการเลือกตั้งนายเศรษฐาเคยออกมาให้สัมภาษณว่าจะแก้ไขมาตรา 112 และจะมีความแน่ใจได้อย่างไรในอนาคตว่าจะไม่มีเรื่องการแก้กฎหมายมาตรานี้ นายธนกร มองว่าในการทำงานการเมือง ต้องมีความชัดเจนก่อน ไม่ใช่วันนี้จะให้พรรคการเมืองยกมือโหวตให้ไปก่อนคงไม่ได้ ต้องมีการเจรจาก่อน โดยผู้หลักผู้ใหญ่ของทุกพรรคต้องคุยกัน และแสดงเจตจำนงอย่างชัดเจน ให้ประชาชนทราบด้วย และเดินหน้ากันไป โดยเรื่องที่ผ่านมาคิดว่าทุกคนต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองกระทำเท่านั้น ส่วนเรื่องของประเทศชาติก็มีสิ่งที่ต้องทำให้ประชาชน ซึ่งต้องคิดให้ดีในหลายๆ อย่าง และตัวเองคิดว่าไม่มีใครรังเกียจรังงอน ถ้าเราเอาประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลักก็จะสามารถเดินหน้าไปได้
ส่วนที่พรรคเพื่อไทยเข้ามาเป็นรัฐบาลมีภารกิจหลักสิ่งแรก คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาลง่ายขึ้นและไม่ยากเหมือนครั้งนี้ จะผิดเป้าประสงค์ในการตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายธนกรกล่าวว่าก่อนร่วมรัฐบาลทุกพรรคต้องมาพูดคุยนโยบายหลักของแต่ละพรรคก่อน และหากตกลงกันได้ก็เดินหน้ากันไป ขณะที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญตน้องคิดว่า หลายอย่างสามารถทำได้ โดยยอมรับว่ารัฐธรรมนูญบางมาตราอาจจะต้องมีการปรับ แต่คงไม่ใช่การแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องเป็นฉันทามติของทุกพรรค
และที่พรรคเพื่อไทยบอกว่าเมื่อแก้รัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว จะมีการคืนอำนาจให้กับประชาชนด้วยการเลือกตั้งใหม่ นายธนกรกล่าวว่าเป็นเรื่องที่ดี หากย้อนไปในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อมีการแก้ไขเสร็จก็จะมีการยุบสภาและเลือกตั้ง ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่จะใช้เวลา 1-3 ปีแล้วแก้เสร็จ อาจต้องรอให้ครบวาระก็ได้
นายธนกร ยังกล่าวว่าหากมีการพูดคุยกันก่อน ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีวันที่ 4 สิงหาคม ก็คิดว่าไม่มีปัญหา แต่ในการเจรจาต่างๆ ตนเองไม่ได้อยู่ในกระบวนการเจรจา อยู่ที่หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค แต่ไม่ว่าจะอย่างไรตนเอง ก็พร้อมปฏิบัติตามมติของพรรครวมไทยสร้างชาติ
เมื่อถามว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ได้มีปัญหาในเรื่องของ “ลุง” ที่เป็นเงื่อนไขของกลุ่มด้อมส้ม ที่สนับสนุนพรรคก้าวไกล นายธนกร คิดว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ ชัดเจนที่สุดตั้งแต่วันแรก และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติตั้งแต่ช่วงแรก และไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับพรรค จึงคิดว่าอาจจะเป็นเหตุผลของบางพรรค
นายธนกรยังบอกว่า “บางทีเราดูข่าวในทีวีมากไป เห็นคนรุ่นใหม่ก็เก่งๆ ทั้งนั้น แต่ตนเอง ได้ไปดูผลการวิจัยของต่างประเทศได้ระบุว่า การไปดูอะไรที่มันโง่ๆ มาก มันจะทำให้เราโง่ตามไปด้วย เพราะฉะนั้น การไปดูข่าวต้องมีความระมัดระวังในการดูด้วย” ผู้สื่อข่าวถามว่าถามว่า การพูดลักษณะนี้มีความหมายจะสื่ออะไรหรือไม่ นายธนกร บอกว่า ไม่ได้จะเหน็บใคร เพียงแต่เมื่อวานนี้มีคนส่งผลการวิจัยนี้มาให้ดู และเพื่อนๆ ก็เล่าให้ฟังด้วย