‘หมอชลน่าน’ เตรียมเจรจาขออภิปราย ม.152 36 ชั่วโมง เผยฝ่ายค้านไม่ลาออก กดดันยุบสภา

‘หมอชลน่าน’ เตรียมเจรจา ขออภิปราย ม.152 36 ชั่วโมง เผย ฝ่ายค้านไม่ลาออก กดดันยุบสภา ชี้เหมือนเตะหมูเข้าปากหมา
วันนี้ (2 ก.พ. 65) นายแพทยชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า วันนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านมีการประชุมเกี่ยวการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ มาตรา 152 ทราบมาว่าฝ่ายรัฐบาลกำหนดวันอภิปรายเป็นวันที่ 17-18 ก.พ.65 แต่เมื่อดูตามญัตติที่ยื่นเต็มที่ได้ไม่เกิน 30 ชั่วโมง ซึ่งการเจรจาในที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย จะขอเวลาในการอภิปรายเป็น 36 ชั่วโมง คาดว่าหากแบ่งเวลาให้คณะรัฐมนตรีชี้แจง น่าจะเหลือเวลาอภิปรายไม่ต่ำกว่า 24 ชั่วโมง ส่วนเนื้อหาแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.วิกฤตเศรษฐกิจ 2.โรคระบาดทั้งโควิด-19 และอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) 3.วิกฤตการเมือง 4.ปัญหาเฉพาะ เช่น เหมืองทองอัครา PM2.5 การค้าระหว่างประเทศ การทุจริต การประมง และปัญหายาเสพติด ทั้งนี้การอภิปรายมาตรา 152 จะใช้บรรทัดฐานเดิมเหมือนการอภิปรายมาตรา 151 ที่ใช้เวลาเต็มที่ไม่ได้ เพราะต้องพิจารณาเนื้อหา และจำนวนสมาชิกที่อภิปรายด้วย
ความคาดหวังในการอภิปรายครั้งนี้ พยายามช่วยรัฐบาลแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน แม้จะไม่มีการลงมติ แต่เชื่อว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะทิ้งท้ายด้วยว่า พลเอกประยุทธ์ต้องพิจารณาตนเองและลาออก
อดีตฝ่ายค้านเคยลาออกทั้งหมดเพื่อกดดันรัฐบาล เพราะก่อนหน้านี้ต่อให้ฝ่ายค้านลาออก แต่รัฐบาลยังสามารถรวมตัวเพื่อบริหารราชการแผ่นดินต่อไปได้ “เราไม่อยากเตะหมูเข้าปากหมา” หากเป็นเช่นนั้นรัฐบาลย่อมดีใจที่ไม่มีฝ่ายค้านตรวจสอบ โดยไม่เกรงกลัวต่ออำนาจอธิปไตยต่อพี่น้องประชาชน หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงในพรรคร่วมรัฐบาล หาก 21 เสียงมาอยู่กับพรรคร่วมฝ่ายค้าน รัฐบาลคงอยู่ไม่ได้ หรือหาก 21 เสียงไม่ร่วมกับฝ่ายรัฐบาล รัฐบาลก็ล่ม
ส่วนประเด็นการชนะเลือกตั้งซ่อมในหลักสี่-จตุจักร ที่โฆษกรัฐบาลบอกว่า ยังมีคนเชื่อมั่นในพลเอกประยุทธ์อยู่ นายแพทยชลน่าน กล่าวว่า เป็นวิธีการพูดของรัฐบาล จะเป็นจริงหรือไม่ต้องให้ประชาชนพิสูจน์ จะมาห้ามไม่ให้ดีใจไม่ได้ สัญญาณที่ส่งมาชัดเจนแล้วว่า ร้อยละ 60 ของผู้มาใช้สิทธิเลือกพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย
ฝ่ายค้านเป็นพรรคการเมืองที่ประกาศตัวชัดเจนว่า อาสาพี่น้องมาทำงาน หากได้เสียงข้างมากก็ต้องมาเป็นฝ่ายบริหาร ไม่ปฏิเสธว่าต้องการเข้าสู่อำนาจ และจะเข้าสู่อำนาจโดยรับผิดชอบต่อประชาชน การบริหารโดยไม่ให้อนาคตประชาชนคือ การปล้นอำนาจ ข่มขืนประชาชน ขออย่าแขวะคนอื่น
ส่วนประเด็นการส่งผู้สมัครลงผู้ว่าฯ กทม. ขอเรียนว่าพรรคเพื่อไทยจะส่ง ส.ก.ลงทุก 50 เขต แต่จะส่งผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หรือไม่ หากพรรคเพื่อไทยสามารถหาตัวแทนที่โดดเด่นกว่าตัวแทนภาคประชาธิปไตย และมีโอกาสชนะก็จะส่ง เพราะต้องการส่งเสริมให้ภาคประชาธิปไตยเหนืออีกฟากฝั่งหนึ่ง หากผลออกมาคะแนนเทให้ฝั่งประชาธิปไตย ยิ่งตอกย้ำว่า สิ่งที่พลเอกประยุทธ์ทำมาทั้งหมด 7 ปี เป็นข้อผิดพลาดบกพร่อง ทางที่ดีขอให้คืนอำนาจให้ประชาชน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคเพื่อไทยจะสนับสนุนนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์หรือไม่ กฎหมายการเลือกตั้งท้องถิ่น ห้ามนักการเมืองไปสนับสนุนผู้สมัครรับเลือกตั้ง และมีความผิดตามกฎหมาย